คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 501/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามคำให้การจำเลยสำนวนแรกกับคำฟ้องของจำเลยซึ่งเป็นโจทก์สำนวนหลัง ต่างก็อ้างเพียงว่าการที่อาคารสถานที่เช่าถูกเพลิงไหม้ ทำให้คนไม่ไปใช้บริการในอาคารดังกล่าว จึงเป็นเหตุให้ไม่เหมาะสมที่จะใช้เป็นที่ติดตั้งป้ายโฆษณาอีกต่อไป สัญญาเช่าที่จำเลยผู้เช่าทำกับโจทก์ผู้ให้เช่าจึงสิ้นสุดลงทันทีตามข้อตกลงในสัญญาเช่า ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ยกข้อต่อสู้ไว้ในคำให้การสำนวนแรก หรือบรรยายไว้ในคำฟ้องสำนวนหลังตอนใดเลยว่าการที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ทำให้ระบบฉีดน้ำดับเพลิงฉีดใส่ป้ายโฆษณาของจำเลยเสียหายจำนวน 54 ป้าย จากป้ายที่มีอยู่ทั้งหมด 82 ป้าย ดังนี้การที่ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงดังกล่าวมาแล้วพิพากษาให้โจทก์ชำระเงินแก่จำเลย จึงเป็นการนอกเหนือไปจากประเด็นข้อพิพาท เป็นเรื่องนอกฟ้องนอกประเด็น ไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 131(2), 141 และ 142 วรรคหนึ่ง

ย่อยาว

คดีสองสำนวนนี้ ศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษารวมกัน
โจทก์สำนวนแรกฟ้องว่า จำเลยทำสัญญาเช่าสถานที่บริเวณห้องน้ำชายและหญิงของอาคารมาบุญครองเซ็นเตอร์กับโจทก์ เพื่อติดตั้งป้ายโฆษณาโจทก์บอกเลิกสัญญาเช่ากับจำเลยแล้วจำเลยค้างค่าเช่าขอให้บังคับจำเลยชำระค่าเช่าที่ค้าง
จำเลยให้การว่า เกิดเหตุเพลิงไหม้สถานที่เช่า สัญญาเช่าสิ้นสุดลงโดยทันทีตามสัญญาเช่า จำเลยจึงไม่มีหน้าที่ชำระค่าเช่า ขอให้ยกฟ้อง
โจทก์สำนวนหลังฟ้องขอให้บังคับจำเลยคืนเงินมัดจำ
จำเลยให้การว่า โจทก์บอกเลิกสัญญาไม่ถูกต้อง จำเลยจึงใช้สิทธิตามสัญญาเช่าหักเงินมัดจำชำระหนี้จาก การเช่าได้ ไม่มีข้อตกลงให้โจทก์เรียกดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นให้เรียกโจทก์ในสำนวนแรกซึ่งเป็นจำเลยในสำนวนหลังว่าโจทก์และเรียกจำเลยในสำนวนแรกซึ่งเป็นโจทก์ในสำนวนหลังว่าจำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชำระเงิน ๙๔,๐๒๘ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๔๑) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่จำเลย
โจทก์ทั้งสองสำนวนอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยชำระเงิน ๖๖,๐๒๔.๙๘ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๕๗,๖๙๔.๒๑ บาท นับแต่วันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๓๙ เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ยกฟ้องคดีหมายเลขแดงที่ ๒๖๑๙๔/๒๕๔๑ ของศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสองสำนวนฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นที่โจทก์และจำเลยไม่โต้เถียงกันในชั้นฎีกาฟังได้ว่า จำเลยได้ทำสัญญาเช่าสถานที่บริเวณห้องน้ำชายและหญิง ชั้นที่ ๑ ถึงชั้นที่ ๓ ของอาคารมาบุญครองเซ็นเตอร์กับโจทก์เป็นเวลา ๒ ปี ตั้งแต่วันที่ ๑ กันยายน ๒๕๓๗ ถึงวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๓๙ ค่าเช่าเดือนละ ๓๒,๘๐๐ บาท และค่าภาษีโรงเรือนอีกเดือนละ ๕,๐๘๔ บาท ชำระภายในวันที่ ๑๕ ของเดือน จำเลยได้วางเงินมัดจำเพื่อเป็นประกันค่าเช่า ค่าบริการ ค่าเสียหาย และหนี้อื่น ๆ แก่โจทก์อีกจำนวน ๙๘,๔๐๐ บาท ด้วย เมื่อวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๙ เกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้นที่อาคาร มาบุญครองเซ็นเตอร์ชั้นที่ ๓ และมีการปิดการใช้อาคารนับแต่นั้นถึงวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๙ ต่อมาเมื่อวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๓๙ จำเลยได้มีหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าแก่โจทก์ โดยให้มีผลนับตั้งแต่วันเกิดเหตุเพลิงไหม้และให้โจทก์คืนเงินมัดจำนวน ๙๘,๔๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่จำเลย
คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการแรกว่า การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ที่ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า การเกิดเหตุเพลิงไหม้ชั้นที่ ๓ ของอาคารมาบุญครองเซ็นเตอร์ใกล้บริเวณที่จำเลยเช่าเพื่อติดตั้งป้ายโฆษณา ห่างจาก จุดที่เช่าประมาณ ๕๐ เมตร แม้เพลิงไม่ได้ไหม้ป้ายโฆษณาแต่ผลจากการที่เกิดเพลิงไหม้ทำให้น้ำยาดับเพลิงฉีดทำลายป้ายโฆษณาของจำเลยได้รับความเสียหายมากกว่าร้อยละ ๕๐ ของป้ายทั้งหมด ก็ถือได้ว่าภัยพิบัติได้ทำความเสียหายแก่ป้ายโฆษณาส่วนใดส่วนหนึ่งของจำเลยแล้วนั้น เป็นการรับฟังข้อเท็จจริงและวินิจฉัยนอกเหนือจากประเด็นที่จำเลยให้การในสำนวนแรกและคำฟ้องของจำเลยในสำนวนหลังเป็นการไม่ชอบหรือไม่นั้น เห็นว่า จำเลยให้การสู้คดีในสำนวนแรกเพียงว่า จากการที่เกิดเหตุเพลิงไหม้พื้นที่ส่วนหนึ่งของอาคารมาบุญครองเซ็นเตอร์เป็นเหตุให้โจทก์ปิดการใช้อาคารทั้งหมดจนถึงวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๙ ทำให้สถานที่เช่าภายในบริเวณห้องน้ำชายและหญิงตามชั้นต่าง ๆ ซึ่งมีพื้นที่เชื่อมโยงกับพื้นที่ส่วนต่าง ๆ ทั้งหมดในอาคาร กระทบกระเทือนถึงวัตถุประสงค์ในการโฆษณาสินค้าด้วยป้ายโฆษณาเพราะผู้คนไม่ไปใช้บริการภายในอาคารด้วยเกิดความตื่นตระหนกตกใจในเหตุที่เกิดขึ้นเป็นระยะเวลานาน นับเดือน ผลกระทบที่เกิดขึ้นจึงทำความเสียหายให้แก่ป้ายโฆษณาของจำเลย การโฆษณาของจำเลยไม่เป็นผลตาม ที่ต้องการ เป็นเหตุให้ลูกค้าของจำเลยบอกเลิกสัญญาว่าจ้างโฆษณาอันเนื่องมาจากสถานที่เช่าอยู่ในสภาพที่เสียหายจนไม่เหมาะสมที่จะใช้ติดตั้งป้ายโฆษณาอีกต่อไป ถือเป็นความเสียหายโดยตรงตามสัญญาเช่าข้อ ๑๑ สัญญาเช่านี้จึงเป็นอันสิ้นสุดลงโดยทันที ส่วนคำฟ้องของจำเลยซึ่งเป็นโจทก์สำนวนหลัง ก็บรรยายฟ้องไว้เพียงว่า เมื่อวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๙ ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้อาคารมาบุญครองเซ็นเตอร์บริเวณชั้นที่ ๓ อันเป็นสถานที่เช่าจนเป็นเหตุให้จำเลยสำนวนหลังต้องปิดอาคารมาบุญครองเซ็นเตอร์เป็นเวลา ๑๒ วัน ตั้งแต่วันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๙ ถึงวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๙ ทำให้ธุรกิจของโจทก์สำนวนหลังได้รับความเสียหาย โดยลูกค้าได้ขอยกเลิกการติดตั้งป้ายโฆษณาแก่โจทก์สำนวนหลังทั้งหมด เนื่องจากสถานที่เช่าไม่เหมาะสมที่จะใช้ติดตั้งป้ายโฆษณาสินค้าอีกต่อไป ทำให้จำเลยสำนวนหลังไม่สามารถปฏิบัติตามสัญญาเช่า ข้อ ๔ ได้ และเป็นเหตุให้สัญญาเช่าเป็นอันเลิกกันทันทีตามสัญญาเช่า ข้อ ๑๑ จะเห็นได้ว่า ทั้งตามคำให้การจำเลยสำนวนแรกกับคำฟ้องของจำเลยซึ่งเป็นโจทก์สำนวนหลัง ต่างก็อ้างเพียงว่า การที่อาคารมาบุญครองเซ็นเตอร์ถูกเพลิงไหม้ ทำให้คนไม่ไปใช้บริการในอาคารดังกล่าว จึงเป็นเหตุให้ไม่เหมาะสมที่จะใช้เป็นที่ติดตั้งป้ายโฆษณาอีกต่อไป โดยไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ยกข้อต่อสู้ไว้ในคำให้การสำนวนแรก หรือบรรยายไว้ในคำฟ้องสำนวนหลังตอนใดเลยว่า การที่เกิดเหตุเพลิงไหม้อาคารมาบุญครองเซ็นเตอร์ทำให้ระบบฉีดน้ำดับเพลิงฉีดใส่ป้ายโฆษณาของจำเลยเสียหายจำนววน ๕๔ ป้าย จากป้ายที่มีอยู่ทั้งหมด ๘๒ ป้าย ดังที่นางสาวปิยะรัตน์ พณรักษ์ พยานจำเลยเบิกความไว้ การที่ ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงดังกล่าวมา จึงเป็นการนอกเหนือไปจากประเด็นข้อพิพาทตามคำให้การจำเลยสำนวนแรก และคำฟ้องของจำเลยซึ่งเป็นโจทก์สำนวนหลัง เป็นเรื่องนอกฟ้องนอกประเด็น ไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๓๑ (๒), ๑๔๑ และ ๑๔๒ วรรคหนึ่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share