คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3620/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยพาอาวุธปืนไปที่บ้านผู้นายเพื่อพบ อ. ซึ่งเคยมีสาเหตุกับจำเลยมาก่อนโดยจำเลยเล็งเห็นผลอยู่แล้วว่าจะมีเรื่องร้ายแรงถึงขาดที่ต้องใช้อาวุธปืนยิง จำเลยสามารถหลีกเลี่ยงมิให้เกิดเหตุขึ้นได้โดยไม่เข้าไปยังบริเวณดังกล่าว การที่จำเลยเข้าไปที่บ้านผู้ตายจึงแสดงว่าจำเลยมีเจตนาที่จะก่อเหตุขึ้น ดังนั้น เมื่อต่อมาจำเลยได้ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตาย จำเลยจึงอ้างไม่ได้ว่าจำเลยกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตน แต่ได้กระทำไปเกินสมควรแก่เหตุ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗, ๘ ทวิ, ๗๒, ๗๒ ทวิ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓, ๙๑, ๒๘๘, ๓๗๑ และริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ ประกอบด้วยมาตรา ๖๘, ๖๙, ๓๗๑, ๙๑, ๓๓ พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗, ๘ ทวิ, ๗๒, ๗๒ ทวิ ให้เรียงกระทงลงโทษ ฐานฆ่าผู้อื่นโดยกระทำเพื่อป้องกันแต่เกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน จำคุก ๖ ปี ฐานมีอาวุธปืน จำคุก ๖ เดือน และฐานพาอาวุธปืน ให้ลงโทษบทหนักตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ จำคุก ๖ เดือน รวมเป็นโทษจำคุก ๗ ปี จำเลยให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงให้ลงโทษจำคุก ๔ ปี ๘ เดือน ริบของกลาง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาเป็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ ให้จำคุกจำเลย ๑๕ ปี จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงให้จำคุกจำเลยไว้มีกำหนด ๑๐ ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตน แต่ได้กระทำไปเกินสมควรแก่เหตุ ควรลงโทษในสถานเบากว่าโทษที่ศาลอุทธรณ์ลงแก่จำเลยหรือไม่ เห็นว่า จำเลยเป็นฝ่ายพาอาวุธและกระสุนปืนไปที่บ้านผู้ตายเพื่อพบตัวนายอนันต์ซึ่งเคยมีสาเหตุกับจำเลย ในขณะที่ผู้ตายกับพวกกำลังดื่มสุรากันอยู่ ได้ความว่านายอนันต์กับจำเลยเพิ่งเมีเรื่องผิดใจกันก่อนเกิดเหตุเพียง ๑ วัน จำเลยเองนำสืบรับว่าเมื่อผู้ตายเมาสุราแล้วจะมีเหตุชกต่อยกันเป็นประจำ เป็นพฤติการณ์ที่ชี้ให้เห็นว่า จำเลยย่อมเล็งเห็นผลอยู่แล้วว่าจะต้องมีเรื่องร้ายแรงถึงขนาดที่ต้องใช้อาวุธปืนยิง จำเลยสามารถหลีกเลี่ยงมิให้เกิดเหตุขึ้นได้โดยไม่เข้าไปยังบริเวณดังกล่าว การที่จำเลยเข้าไปแสดงว่าจำเลยมีเจตนาที่จะก่อเหตุขึ้น จึงรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตนแต่ได้กระทำเกินสมควรแก่เหตุดังที่จำเลยฎีกา
พิพากษายืน

Share