คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4809/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 290 ฯ ข้อ 23 วรรคสุดท้าย กำหนดให้นำบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยทางหลวงในส่วนที่ว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างหรือขยายทางหลวงมาใช้บังคับโดยอนุโลมกับเงินค่าทดแทนในการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างทางพิเศษด้วยและ ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 295 ฯ ซึ่งเป็นกฎหมายว่าด้วยทางหลวงมีบทบัญญัติเกี่ยวกับเงินค่าทดแทนในการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างหรือ ขยายทางหลวงไว้ในข้อ 76 ว่า เงินค่าทดแทนนั้นถ้าไม่มีบทบัญญัติเป็นพิเศษในพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ซึ่งออกตามข้อ 63 แล้ว ให้กำหนดเท่าราคาของทรัพย์สินตามราคาธรรมดาที่ซื้อขายในท้องตลาดในวันที่พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน บริเวณที่ที่จะเวนคืนใช้บังคับ ดังนั้น การที่จำเลยกำหนดค่าทดแทนที่ดินของโจทก์ที่ถูกเวนคืนเพื่อสร้างทางหลวงเทศบาลสายรัชดาภิเษก ซึ่งเป็นทางพิเศษตามราคาประเมินในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมของกรมที่ดิน พ.ศ. 2524 มิใช่ราคาธรรมดาที่ซื้อขายในท้องตลาดในวันที่พระราชกฤษฎีกากำหนดแนวทางหลวงเทศบาลสายรัชดาภิเษก ตอนแขวงสามเสนนอก พ.ศ. 2524 ใช้บังคับการกำหนดราคาดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนด เลขที่ ๑๖๑๘๒๕, ๑๖๑๘๒๗, ๑๖๑๘๒๘ แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร เนื้อที่ ๔๐ ตารางวา และ ๑๐๖ ตารางวา ตามลำดับ ซึ่งถูกกำหนดให้เป็นแนวทางหลวงเทศบาล สายรัชดาภิเษก ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดแนวทางหลวงที่จะ สร้างทางหลวงเทศบาล สายรัชดาภิเษก ตอนแขวงวัดท่าพระ แขวงสามเสนนอก พ.ศ. ๒๕๒๔ ซึ่งมีจำเลยที่ ๒ มีอำนาจหน้าที่ปฏิบัติราชการแทนจำเลยที่ ๑และเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ดำเนินการ ตามพระราชกฤษฎีกาและตามพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างทางหลวงเทศบาลดังกล่าว จำเลยได้กำหนดค่าทดแทน ที่ดินของโจทก์แปลงเนื้อที่ ๑๐๖ ตารางวาที่ถูกเขตทางหลวงเทศบาลตัดผ่านบางส่วนเนื้อที่ ๕๑ ตารางวา โดยเสนอค่าทดแทนให้ โจทก์แยกเป็นสองอัตรา อัตราแรกตารางวาละ ๑๓,๐๐๐ บาท จำนวน ๒๕ ตารางวา อัตราที่สองตารางวาละ ๑,๘๐๐ บาท จำนวน ๒๖ ตารางวา และแปลงเนื้อที่ ๔๐ตารางวา ที่ถูกเขตทางหลวงเทศบาลตัดผ่านเนื้อที่ ๓๗ ตารางวา และที่ดินแปลงเนื้อที่ ๕๐ ตารางวาทั้งแปลงอัตรา ตารางวาละ ๑,๘๐๐ บาท รวม เป็นเงินทั้งสิ้น ๕๒๘,๐๐๐ บาท แต่โจทก์ ขอค่าทดแทนที่ดินทั้งสามแปลงตารางวาละ ๒๕,๐๐๐ บาท จึงไม่อาจตกลง กันได้ จำเลยนำเงินค่าทดแทนที่จำเลยกำหนดไปวางต่อสำนักงานวางทรัพย์ กลางกรมบังคับคดีวันที่ ๑๔ สิงหาคม๒๕๒๘ โจทก์ไปรับเงินค่าทดแทนที่จำเลยวางไว้ เงินค่าทดแทนที่ จำเลยกำหนดและนำไปวางต่อ สำนักงานวางทรัพย์กลางเพื่อชำระให้โจทก์นั้นเป็นการกำหนดค่าทดแทนที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่เป็นธรรม เพราะ จำเลยจำเลยไม่ได้กำหนด ราคาที่ดินตามราคาธรรมดาที่ซื้อขายในท้องตลาดในวันที่พระราชกฤษฎีกา กำหนดแนวทางหลวงที่จะสร้างทางหลวงเทศบาล สายรัชดาภิเษก ตอนแขวงท่าพระ – แขวงสามเสนนอก ใช้บังคับ แต่จำเลยนำราคาที่ดินที่ทางราชการกำหนดเป็นทุนทรัพย์สำหรับเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ซึ่งคณะกรรมการของสำนักงานกลางประเมินราคาทรัพย์สินได้กำหนดเมื่อวันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๒๒ มาเป็นค่าทดแทน ที่ดิน ของโจทก์ทั้งสามแปลง จึงเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย ที่ดินของ โจทก์ ตั้ง อยู่ ริมถนนนางลิ้นจี่ และตั้งอยู่ใจกลางย่าน ธุรกิจการค้า ของ กรุงเทพมหานคร ราคาของที่ดินที่ซื้อขายในท้องตลาดในวันที่ พระราชกฤษฎีกากำหนดแนวทางหลวงที่จะสร้างทางหลวงเทศบาล สายรัชดาภิเษก ตอนแขวงวัดท่าพระ – แขวงสามเสนนอก พ.ศ. ๒๕๒๔ ใช้บังคับราคาตารางวา ละ ๒๕,๐๐๐ บาท โจทก์จึงเรียกค่าทดแทนที่ดินเพิ่ม ๒,๙๒๑,๖๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๒๔ จนถึงวันฟ้องเป็นเงิน ๘๙๔,๑๓๑ บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสอง ร่วมกันชำระเงินค่าทดแทนจำนวน ๓,๘๑๖,๗๓๑ บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ย ร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงิน ๒,๙๒๑,๖๐๐ บาท นับจาก วันฟ้อง จนกว่าจำเลยทั้งสองจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การว่า ค่าทดแทนที่จำเลยกำหนดให้เป็นราคา ที่ที่เป็นธรรมและเป็นราคาธรรรมดา ที่ซื้อขายกันในท้องตลาดในวันที่พระราชกฤษฎีกากำหนดแนวทางหลวงที่จะสร้างทางหลวงเทศบาล สายรัชดาภิเษก ตอนแขวงวัดท่าพระ – แขวงสามเสนอก พ.ศ. ๒๕๒๒ใช้บังคับ ที่ดินของโจทก์อยู่ห่างจากถนนนางลิ้นจี่ ประมาณ ๔๐ เมตร ไม่ใช่ย่าน ชุมนุมชนที่เจริญและไม่ใช่ย่าน ธุรกิจการค้า ที่ดินของโจทก์ติดกับ ถนน ซอย สาธารณะกว้างประมาณ ๔ เมตร ราคาซื้อขายไม่ถึงตารางวา ละ ๒๕,๐๐๐ บาท ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินค่าทดแทนให้โจทก์จำนวน ๘๗๕,๖๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่๒๐ ธันวาคม ๒๕๒๔ จนกว่าจะชำระเงินเสร็จ
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เกี่ยวกับเงินค่าทดแทนในการเวนคืน อสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างทางพิเศษตามที่พิพาทกันในคดีนี้ ได้มี ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๒๙๐ ลงวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๑๕ ข้อ ๒๓ วรรคสุดท้าย กำหนดให้นำบทบัญญัติของ กฎหมายว่าด้วยทางหลวงในส่วนที่ว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างหรือขยายทางหลวงมาใช้บังคับโดยอนุโลม และประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๒๙๕ ลงวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๑๕ ซึ่งเป็น กฎหมายว่าด้วยทางหลวงมีบทบัญญัติเกี่ยวกับเงินค่าทดแทนในการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างหรือขยายทางหลวงไว้ในข้อ ๗๖ ว่าเงิน ค่าทดแทนนั้น ถ้าไม่มีบทบัญญัติเป็นพิเศษในพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ซึ่ง ออกตามข้อ ๖๓ แล้ว ให้กำหนดเท่าราคาของ ทรัพย์สิน ตาม ราคา ธรรมดา ที่ ซื้อขายในท้องตลาดในวันที่พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนใช้บังคับ คดีนี้ข้อเท็จจริง ปรากฏว่าพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ซึ่งออกตามข้อ ๖๓ แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๒๙๕ คือพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างทางหลวงเทศบาลสายรัชดาภิเษกฯ พ.ศ. ๒๕๒๖ไม่มีบทบัญญัติพิเศษเกี่ยวกับเงินค่าทดแทนแต่ปรากฏว่าได้มี พระราชกฤษฎีกากำหนดแนวทางหลวงที่จะสร้างทางหลวงเทศบาลสายรัชดาภิเษก ตอนแขวงวัดท่าพระ – แขวงสามเสนนอก พ.ศ. ๒๕๒๔ ใช้บังคับแก่กรณี ของโจทก์เมื่อวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๒๔ และจำเลยทั้งสองได้กำหนด ค่าทดแทนที่ดินของโจทก์โดยใช้ราคาประเมินในการจดทะเบียนสิทธิ และนิติกรรมพ.ศ. ๒๕๒๔ ของกรมที่ดินมาบังคับ ศาลฎีกาเห็นว่าราคา ดังกล่าวไม่ใช่ราคาธรรมดาที่ซื้อขายในท้องตลาดในวันที่พระราชกฤษฎีกากำหนดแนวทางหลวงที่จะสร้างทางหลวงเทศบาลสายรัชดาภิเษก ตอนแขวง วัดท่าพระ – แขวงสามเสนนอก พ.ศ. ๒๕๒๔ ใช้บังคับเพราะได้ความว่า ที่ดิน ของ โจทก์ ราย นี้เดิมเป็นที่ดินแปลงเดียว คือแปลงโฉนดเลขที่ ๖๒๖๕ โจทก์ซื้อมาเมื่อวันที่๓๐ สิงหาคม ๒๕๒๒ ราคา ๘,๔๙๐,๐๐๐ บาท ซึ่งขณะซื้อนั้นที่ดินนี้ยังไม่ได้ถมพื้นดินเป็นหลุมเป็นบ่ออยู่ติด กับถนนนางลิ้นจี่ มีเนื้อที่ทั้งหมด ๒ ไร่๒๐ ตารางวา คิดเป็นราคา ตารางวาละ ๑๐,๓๕๓.๖๕ ต่อมาโจทก์ถมดินปรับพื้นที่แบ่งแยกโฉนดจัดสรร ทำเป็นหมู่บ้านที่ดินของโจทก์จึงย่อมจะมีราคาสูงขึ้นทั้งแปลง มิใช่เฉพาะส่วนที่ติดถนนนางลิ้นจี่ อนึ่งจากวันที่โจทก์ซื้อที่ดิน แปลงนี้ถึงวันที่พระราชกฤษฎีกาฉบับดังกล่าวใช้บังคับเป็นเวลาประมาณ ๒ ปี กาลเวลาที่ผ่านไปย่อมเป็นเหตุให้ราคาซื้อขายตาม ธรรมดาของที่ดินสูงขึ้นได้ด้วย ฉะนั้นในวันที่พระราชกฤษฎีกาฉบับ ดังกล่าวใช้บังคับที่ดินของโจทก์รายนี้ จึงน่าจะมีราคาสูงเกิน กว่าตารางวาละ๑๐,๓๕๓.๖๕ บาท การที่จำเลยทั้งสองกำหนดค่าทดแทน ที่ดินของโจทก์ที่ถูกเวนคืนตามราคาประเมินในการจดทะเบียนสิทธิ และนิติกรรม พ.ศ. ๒๕๒๔โดยเนื้อที่บางส่วนของที่ดินกำหนดค่าทดแทนให้เพียงตารางวาละ ๑,๘๐๐บาท นั้น เห็นได้ว่าต่ำกว่าราคา ธรรมดาที่ซื้อขายในท้องตลาดในวันที่พระราชกฤษฎีกากำหนดแนวทางหลวงที่จะสร้างทางหลวงเทศบาลสายรัชดาภิเษกตอนแขวงวัดท่าพระ – แขวงสามเสนนอก พ.ศ. ๒๕๒๔ ใช้บังคับ ที่ศาลล่างทั้งสองมีความเห็น ต้องกันให้กำหนดค่าทดแทนที่ดินของโจทก์ที่ถูกเวนคืนในราคาตารางวาละ ๑๐,๕๐๐ บาท นั้น ชอบด้วยรูปคดีแล้ว
พิพากษายืน.

Share