แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เจ้าพนักงานเดินหมายปิดหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องกับปิดหมายนัดสืบพยานโจทก์ไว้ที่สำนักงานบริษัทจำเลย ซึ่งกรรมการผู้จัดการและพนักงานของจำเลยอยู่อาศัยในสถานที่ดังกล่าว จึงเป็นการส่งหมายโดยชอบ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 74 และมาตรา 79 เมื่อจำเลยไม่ได้ยื่นคำให้การภายในกำหนดและไม่ได้มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ ถือได้ว่าจำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ไม่มีเหตุที่จะขอให้พิจารณาใหม่ได้
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้กรณีที่จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ให้จำเลยชำระเงินภาษีอากรเพิ่มและเงินเพิ่มต่าง ๆ แก่โจทก์
จำเลยยื่นคำร้องลงวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๓๑ มีความว่าจำเลยมิได้จงใจขาดนัดและคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลภาษีอากรกลาวว่าจำเลยมีทางชนะคดีขอให้พิจารณาคดีใหม่ โจทก์ยื่นคำร้องคัดค้าน ศาลภาษีอากรกลางไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า พิเคราะห์พยานหลักฐานที่ทั้งสองฝ่ายนำสืบมาแล้ว ตามคำเบิกความของนายสรวุฒิ นิลโสภาพนักงานเดิมหมายของศาลภาษีอากรกลางได้ความว่า ได้ไปส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยครั้งแรกเมื่อวันที่ ๙ มีนาคม ๒๕๓๐ ที่บ้านเลขที่ ๒๑/๒ ถนนเพชรเกษม แขวงบางแคเหนือ เขตภาษีเจริญกรุงเทพมหานคร โดยสอบถามที่อยู่ตามบ้านเลขที่ดังกล่าวจากเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ นายสราวุฒิได้กดกริ่งประตูเรียกและใช้เสียงเรียกไม่มีใตรมาเปิดประตุ จึงกลับมารายงานต่อศาลตามรายงานเจ้าหน้าที่อันดับที่ ๖ ในสำนวน ต่อมาเมื่อวันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๓๑ได้นำหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไปส่งที่บ้านเลขที่ดังกล่าวอีก แต่เมื่อกดกริ่งเรียกและใช้เสียงเรียกให้คนมารับไม่มีคนมารับหมายจึงได้ปิดหมายและสำเนาคำฟ้องตามคำสั่งศาลไว้ที่ประตูด้านซ้ายมือโดยเจาะรูของหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแล้วใช้เชือกผูกติดไว้กับช่องเหล็กด้านบนของประตู แล้วทำหลักฐานใบรับหนังสือหรือหมายไว้โดยทำแผนที่แสดงที่ตั้งของสำนักงานบริษัทจำเลยไว้ด้านหลังตามเอกสารในสำนวนอันดับที่ ๘ แผ่นที่สอง นายสรวุฒิเป็นพนักงานของศาลไม่มีส่วนได้เสียกับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด และเชื่อได้ว่าปฏิบัติหน้าที่ไปตามที่ได้รับมอบหมายในการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องสำหรับการนี้นอกจากนั้นจ่าเอกบุญยิ่ง ยั่งยืน พยานจำเลยก็เบิกความรับว่าแผนที่ด้านหลังใบรับหนังสือมายนั้นเป็นแผนที่สังเขปของการเดินทางไปยังบริษัทจำเลยตรงที่เป็นเครื่องหมายกากบาทนั้นเป็นที่ตั้งของบริษัทจำเลย เอกสารดังกล่าวนั้นได้มีขึ้นและเป็นอยู่ก่อนที่จะมีกรณีเป็นข้อพิพาทในขั้นขอให้พิจารณาใหม่ ฟังได้ว่าเป็นเอกสารที่ถูกต้องแท้จริง และเมื่อมีการส่งหมายแจ้งวันนัดสืบพยานโจทก์ การส่งหมายก็ได้ไปปิดไว้ตามคำสั่งศาลที่บ้านเลขที่เดิม การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องรวมทั้งการส่งหมายนัดสืบพยานโจทก์จึงเป็นการส่งที่ชอบด้วยกำหนดไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๗๔และมาตรา ๗๙ ข้อที่จำเลยนำสืบว่าน่าจะไม่มีการส่งหมายหรือปิดหมายไว้ที่ภูมิลำเนาของจำเลยนั้นรับฟังไม่ได้ ในเมื่อการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องรวมทั้งหมายนัดสืบพยานโจทก์เป็นการส่งโดยชอบแล้ว และจำเลยนำสืบว่ากรรมการผู้จัดการของพนักงานของจำเลยก็อยู่อาศัยในสถานที่ที่ได้มีการปิดหมายไว้ มิใช่การณีที่จำเลยมิได้อยู่ที่ภูมิลำเนาที่ปิดหมายอันอาจจะไม่ทราบได้ ดังนั้น ในกรณีนี้ต้องถือว่าจำเลยได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องและหมายแจ้งวันนัดสืบพยานโจทก์แล้ว เมื่อจำเลยไม่ยื่นคำให้การในกำหนดและไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ โดยไม่มีเหตุสมควรประการอื่นเป็นข้ออ้างจึงต้องถือว่าจำเลบจงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณษศาลภาษีอากรกลางมีคำสั่งให้ยกคำร้องของจำเลย ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยอุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.