แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสามได้ บุกรุกเข้าไปทำนาในที่ดินโจทก์ซึ่ง มีเนื้อที่ 33 ไร่ 3 งาน 90 ตารางวา โดยระบุข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาว่า โจทก์เป็นเจ้าของผู้ครอบครองที่ดินพิพาท และมีคำขอบังคับให้จำเลยทั้งสามและบริวารออกไปจากที่ดินโจทก์ ห้ามเกี่ยวข้องและขนย้ายรื้อถอนสิ่งของสิ่งปลูกสร้างออกไป เป็นการบรรยายฟ้องครบถ้วนตามที่กฎหมายบัญญัติไว้แล้ว ส่วนที่ดินของโจทก์อยู่ส่วนไหน อาณาเขตกว้างยาวเพียงใด จดที่ดินของใคร จำเลยทั้งสามบุกรุกที่ดินของโจทก์อย่างไรและเนื้อที่เท่าใด เป็นรายละเอียดที่นำสืบได้ในชั้นพิจารณาไม่จำต้องบรรยายมาในฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่นา ๑ แปลงเป็นที่น.ส.๓ เนื้อที่ ๙๐ ไร่ ได้แบ่งแยกให้น้องต่างมารดา คงเหลือ ๓๓ ไร่ ๓ งาน ๙๐ ตารางวา ต่อมาโจทก์ไปขอออกเป็น น.ส.๓ก.เพื่อขาย จำเลยที่ ๑ และสามีคัดค้าน ต่อมาจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ และบุตรของจำเลยที่ ๑ ได้ยื่นฟ้องต่อศาล ศาลฎีกาพิพากษาว่าที่ดินเป็นของโจทก์ ต่อมาจำเลยทั้งสามและบริวารบุกเข้าทำนาใที่ดินดังกล่าว ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามและบริวารออกไปจากที่ดินของโจทก์ ห้ามรบกวนหรือเกี่ยวข้องให้ขนย้ายรื้อสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินโจทก์
จำเลยทั้งสามให้การว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม ให้จำเลยทั้งสามและบริวารออกไปจากที่ดินพิพาท
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นข้ออื่น พิพากษากลับยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์บรรยายฟ้องระบุสภาพแห่งข้อหาของโจทก์แล้วว่าจำเลยทั้งสามได้บุกรุกเข้าไปทำนาในที่ดินของโจทก์ซึ่งมีเนื้อที่ ๓๓ ไร่ ๓ งาน ๙๐ ตารางวา โดยระบุข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาว่า โจทก์เป็นเจ้าของผู้ครอบครองที่ดินพิพาทและมีคำขอบังคับให้จำเลยทั้งสามและบริวารออกไปจากที่ดินโจทก์ห้ามเกี่ยวข้องและขนย้ายรื้อถอนสิ่งของสิ่งปลูกสร้างออกไปอันเป็นการบรรยายฟ้องไว้โดยครบถ้วนตามที่กฎหมายบัญญัติไว้แล้วส่วนที่ดินของโจทก์อยู่ส่วนไหน อาณาเขตกว้างยาวเพียงใดจดที่ดินของใคร จำเลยทั้งสามบุกรุกที่ดินของโจทก์อย่างไรและเนื้อที่เท่าใดนั้นเป็นรายละเอียดที่นำสืบได้ในชั้นพิจารณาหาจำต้องบรรยายมาในฟ้องไม่ ดังนั้น ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุมที่ศาลอุทธรร์วินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมและพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยไม่วินิจฉัยประเด็นข้ออื่นมานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาในประเด็นที่ยังไม่ได้วินิจฉัยแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี