คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2739/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ขณะเกิดเหตุ จำเลยที่ 1 ลูกจ้างและผู้ขับรถของจำเลยที่ 3ไม่ได้เป็นผู้ขับขี่รถยนต์ของจำเลยที่ 3 ด้วยตนเองแต่ได้มอบหมายให้จำเลยที่ 2 เป็นผู้ขับขี่รถเพื่อนำไปเก็บ แม้จำเลยที่ 2 จะขับขี่ออกนอกเส้นทางหลังจากชนท้ายรถ ท. ต้องถือว่าจำเลยที่ 1 ให้จำเลยที่ 2 ขับรถแทนตนและอยู่ในความรับผิดชอบของจำเลยที่ 1 และถือว่าขณะเกิดเหตุเป็นการกระทำของลูกจ้างของจำเลยที่ 3 ในทางการที่จ้างจำเลยที่ 1 และที่ 3 ต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์ในผลแห่งละเมิดที่จำเลยที่ 2 ได้ก่อให้เกิดขึ้นด้วย
เมื่อจำเลยที่ 2 ขับรถเฉี่ยวชนท้ายรถของ ท. โดยประมาทเลินเล่อแล้วหลบหนีไป ท. ได้ขับรถติดตามจำเลยที่ 2 ไปในทันทีทันใดเพื่อเจรจาทำความตกลงในเรื่องค่าเสียหายที่จำเลยที่ 2 ได้ก่อให้เกิดขึ้น แต่จำเลยที่ 2 ซึ่งขับรถหนีไปติดสัญญาณไฟแดงไม่ยอมลงจากรถมาเจรจาด้วย และขับรถจะหลบหนีต่อไป ท. จึงกระโดดขึ้นไปเกาะรถที่จำเลยที่ 2 ขับทางด้านขวาของคนขับ จำเลยที่ 2 จึงขับรถโดยกระชากอย่างแรงเป็นเหตุให้ ท. ตกลงมาสู่พื้นถนนแล้วถูกรถที่จำเลยที่ 2 ขับทับถึงแก่ความตายนั้น เป็น เหตุการณ์ที่ต่อเนื่องจากเหตุรถเฉี่ยวชนในตอนแรก ไม่อาจที่จะแยกการกระทำของจำเลยที่ 2 ออกจากกันได้ กรณีถือได้ว่าเป็นการกระทำอันเกี่ยวเนื่องมาจากการที่จำเลยที่ 1 ใช้ให้จำเลยที่ 2 ขับรถไปเก็บและอยู่ในทางการจ้าง ของจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 1 และที่ 3 ต้องร่วมรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้น.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ที่ ๑ เป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของร้อยตำรวจเอกทรงศักดิ์ ภู่ภักดี มีบุตรด้วยกัน ๒ คน คือ โจทก์ที่ ๒ และที่ ๓ จำเลยที่ ๑ เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ ๓ ทำหน้าที่เป็นพนักงานขับรถเก็บขยะ จำเลยที่ ๒ เป็นเพื่อนของจำเลยที่ ๑ เมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๒๕ จำเลยที่ ๑ ได้ใช้ให้จำเลยที่ ๒ขับรถขนขยะหมายเลขทะเบียน ๗น-๒๕๒๓ ของจำเลยที่ ๓ ซึ่งเป็นนายจ้างจำเลยที่ ๑ ด้วยความประมาทของจำเลยที่ ๒ ได้ขับรถขนขยะชนท้ายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลหมายเลขทะเบียน ๖ข-๓๑๐๓ ของร้อยตำรวจเอกทรงศักดิ์ที่ขับขี่มาได้รับความเสียหายแล้วจำเลยที่ ๒ ได้ขับรถขนขยหลบหนี ร้อยตำรวจเอกทรงศักดิ์ขับรถติดตามไปทันขณะรถขนขยะที่จำเลยที่ ๒ ขับจอดติดสัญญาณไฟแดงอยู่ ร้อยตำรวจเอกทรงศักดิ์จึงจอดรถและลงไปยังรถขนขยะบอกให้จำเลยที่ ๒ มาตกลงเรื่องค่าเสียหาย แต่จำเลยที่ ๒ ไม่ยอมลงจากรถมาตกลงด้วย กลับจะขับรถหลบหนีไปอีก ร้อยตำรวจเอกทรงศักดิ์จึงกระโดดเกาะรถขนขยะที่บริเวณประตูด้านขวา จำเลยที่ ๒ ได้ขับรถขนขยะกระชากเพื่อให้ร้อยตำรวจเอกทรงศักดิ์หลุดพ้นจากการที่เกาะรถขนขยะที่จำเลยที่ ๒ ขับอยู่ เป็นเหตุให้ร้อยตำรวจเอกทรงศักดิ์หลุดตกจากรถขนขยะลงมายังพื้นถนน และถูกล้อหลังของรถขนขยะทับถึงแก่ความตาย แล้วจำเลยที่ ๒ ได้ขับรถหนีไปอีก แต่เจ้าพนักงานตำรวจติดตามจับกุมจำเลยที่ ๒ ไว้ได้ โจทก์ได้รับความเสียหาย ค่าซ่อมรถของผู้ตายและค่าเสื่อมราคารวมเป็นเงิน ๑๕,๐๐๐ บาท โจทก์ที่ ๒ และที่ ๓ขาดค่าอุปการะเลี้ยงดูรวม ๒ คน เป็นเงิน ๓๒๐,๐๐๐ บาท โจทก์ที่ ๑ ต้องขาดค่าอุปการะเลี้ยงดูเป็นเงิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท ค่าปลงศพเป็นเงิน ๑๕,๐๐๐ บาท รวมเป็นค่าเสียหายทั้งสิ้นจำนวน ๕๕๐,๐๐๐ บาทเหตุละเมิดคดีนี้เกิดจากการที่จำเลยที่ ๑ ใช้หรือวานให้จำเลยที่ ๒ขับรถขนขยะคันดังกล่าวในทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๓ จำเลยที่ ๑และที่ ๓ จึงต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดของจำเลยที่ ๒ ด้วยขอให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระค่าเสียหายจำนวน ๕๕๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ ๑ และที่ ๓ ให้การว่า จำเลยที่ ๑ ไม่ได้เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ ๓ ทำหน้าที่พนักงานขับรถเก็บขยะ และไม่ได้เป็นเพื่อนหรือเคยรู้จักกับจำเลยที่ ๒ ทั้งไม่ได้ใช้ให้จำเลยที่ ๒ขับรถขนขยะคันหมายเลขทะเบียน ๗น-๒๕๒๓ แทนจำเลยที่ ๑ ในขณะเกิดเหตุจำเลยที่ ๒ ขับรถคันหมายเลขทะเบียน ๗น-๒๕๒๓ ไปโดยพลการไม่ได้ทำในทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๓ และเหตุคดีนี้เกิดจากความประมาทของร้อยตำรวจเอกทรงศักดิ์ที่หยุดรถซึ่งขับอยู่ข้างหน้าโดยกะทันหันร้อยตำรวจเอกทรงศักดิ์กระโดดเกาะรถขนขยะบริเวณประตูด้านขวาเป็นความประมาทและเป็นการเสี่ยงภัยของร้อยตำรวจเอกทรงศักดิ์เองเพราะย่อมเล็งเห็นได้ว่าหากพลาดพลั้งตกลงมา อาจถูกรถขนขยะหรือรถอื่นที่ตามหลังมาทับเอาถึงแก่ชีวิตได้ และเป็นความสูงอายุของร้อยตำรวจเอกทรงศักดิ์ ทำให้ไม่สามารถเกาะรถขนขยะได้ จนพลัดตกลงมาเอง จำเลยที่ ๒ เพียงแต่ออกรถเมื่อมีไฟสัญญาณเขียวธรรมดาเท่านั้น มิได้ออกรถกระชากดังที่โจทก์กล่าวอ้าง และการพลัดตกลงมาเป็นเหตุให้ร้อยตำรวจเอกทรงศักดิ์ถูกรถขนขยะทับถึงแก่ความตาย เป็นเรื่องเฉพาะตัวระหว่างร้อยตำรวจเอกทรงศักดิ์กับจำเลยที่ ๒ มิได้เกี่ยวข้องกับจำเลยที่ ๑ และที่ ๓ ไม่อยู่ในลักษณะการใช้ของจำเลยที่ ๑ และไม่อยู่ในทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๓ ทั้งจำเลยที่ ๒ได้ลักรถขนขยะออกไปขับเล่น ได้มีการแจ้งความไว้เป็นหลักฐานที่สถานีตำรวจนครบาลประเวศแล้ว จำเลยที่ ๑ และที่ ๓ จึงไม่ต้องรับผิดในเหตุที่เกิดขึ้น ทั้งค่าเสียหายที่เรียกสูงมากเกินไป ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๒ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงิน ๒๑๗,๐๐๐ บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ในต้นเงินดังกล่าวคิดตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ ๑ และที่ ๓ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑ และที่ ๓ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยที่ ๑ และที่ ๓ ฎีกาว่า จำเลยที่และที่ ๓ ไม่ต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดกับจำเลยที่ ๒ นั้น ข้อนีได้ความจากโจทก์ทั้งสามว่า หลังจากเกิดเหตุแล้วโจทก์ทั้งสามได้ไปที่สถานีตำรวจนครบาลมักกะสัน พบกับจำเลยที่ ๒ ซึ่งถูกควบคุมตัไว้ดำเนินคดีอยู่ที่นั่น โจทก์ที่ ๑ ได้สอบถามจำเลยที่ ๒ จำเลยที่บอกว่าเป็นญาติกับจำเลยที่ ๑ วันเกิดเหตุจำเลยที่ ๑ ได้มอบกุญแจรถให้วันนั้นโจทก์ที่ ๑ เห็นจำเลยที่ ๒ แต่งตัวใส่เสื้อสีน้ำเงินเข้มซึ่งเป็นเครื่องแบบของจำเลยที่ ๓ และโจทก์ที่ ๒ และที่ ๓ ยังได้ยินจำเลยที่ ๒ ตอบคำถามของพนักงานสอบสวนว่า จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ เคยผลัดเปลี่ยนกันขับรถขนขยะอยู่เสมอ นอกจากนี้ในชั้นสอบสวนเอกสารหมาย จ.๓/๒ จำเลยที่ ๒ ได้เคยให้การไว้ต่อพนักงานสอบสวนว่าตนเป็นญาติกับจำเลยที่ ๑ พักอาศัยอยู่ที่บ้านของจำเลยที่ ๑ ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับที่จอดรถของกรุงเทพมหานครจำเลยที่ ๓ที่แขวงประเวศ จำเลยที่ ๒ เคยช่วยเหลือจำเลยที่ ๑ ขนขยะ เก็บขยะและบางครั้งจำเลยที่ ๒ ก็เข้าช่วยขับรถให้จำเลยที่ ๑ ด้วย จากทางนำสืบของโจทก์ทั้งสามดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า จำเลยที่ ๑ และที่ ๒เป็นญาติสนิทกัน อยู่บ้านเดียวกัน จำเลยที่ ๑ เคยใช้จำเลยที่ ๒ขับรถขนขยะอยู่เป็นครั้งคราวทั้งในวันเกิดเหตุจำเลยที่ ๒ ก็แต่งกายโดยสวมเสื้อสีน้ำเงินเข้มซึ่งเป็นเครื่องแบบของจำเลยที่ ๓ด้วย ประกอบทั้งจำเลยที่ ๑ และที่ ๓ ก็นำสืบรับเข้ามาว่า ในวันนั้นหลังจากที่จำเลยที่ ๑ ขนขยะในเขตพระโขนงเสร็จเรียบร้อยแล้วจำเลยที่ ๑ ได้ขับรถขนขยะคันดังกล่าวมาจอดไว้ที่คลองหนองสองห้องเพื่อล้างทำความสะอาดรถแล้วจะนำรถไปเก็บที่แขวงประเวศ จึงมีเหตุให้น่าเชื่อว่าจำเลยที่ ๑ ได้มอบกุญแจรถให้จำเลยที่ ๒ ขับรถขนขยะไปเก็บยังที่เก็บรถของจำเลยที่ ๓ ที่แขวงประเวศมากกว่า หาใช่เป็นเรื่องที่จำเลยที่ ๑ ล้างรถเสร็จแล้วได้เข้าห้องน้ำเพื่อถ่ายอุจจาระโดยจอดรถทิ้งไว้ และเอากุญแจรถใส่กระเป๋าเสื้อแขวนไว้ในรถเมื่อถ่ายอุจจาระเสร็จออกมาจากห้องน้ำแล้วรถหายไปดังที่จำเลยที่ ๑และที่ ๓ นำสืบต่อสู้ไม่ ดังนั้นแม้ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ ๑ ลูกจ้างจำเลยที่ ๓ จะไม่ได้เป็นผู้ขับขี่รถยนต์ขนขยะของจำเลยที่ ๓ ด้วยตนเอง แต่การขับขี่รถไปเก็บของจำเลยที่ ๒ ด้วยการมอบหมายของจำเลยที่ ๑ ผู้ขับรถของจำเลยที่ ๓ และแม้จำเลยที่ ๒ จะขับขี่ออกนอกเส้นทางหลังชนท้ายรถโจทก์ก็ตามก็ต้องถือว่าจำเลยที่ ๑ให้จำเลยที่ ๒ ขับรถขนขยะแทนตนและอยู่ในความรับผิดชอบของจำเลยที่ ๑ อยู่นั่นเอง จึงถือได้ว่า ขณะเกิดเหตุคดีนี้เป็นการกระทำของลูกจ้างของจำเลยที่ ๓ ในทางการที่จ้าง จำเลยที่ ๑ และที่ ๓ จึงต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์ในผลแห่งละเมิดที่จำเลยที่ ๒ ได้ก่อให้เกิดขึ้นด้วย ฎีกาจำเลยที่ ๑ และที่ ๓ ในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ข้อที่จำเลยที่ ๑ และที่ ๓ ฎีกาว่า การพลัดตกลงมาจากรถขนขยะจนเป็นเหตุให้ร้อยตำรวจเอกทรงศักดิ์ถูกรถขนขยะทับถึงแก่ความตาย เป็นการกระทำที่มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับจำเลยที่ ๑และที่ ๓ แต่เป็นเรื่องระหว่างร้อยตำรวจเอกทรงศักดิ์กับจำเลยที่ ๒เป็นการเฉพาะตัว เพราะเหตุดังกล่าวเป็นเรื่องที่จำเลยที่ ๒ตั้งใจจะขับรถหลบหนีหลังจากที่เกิดเหตุชนท้ายรถของร้อยตำรวจเอกทรงศักดิ์แล้ว จึงไม่อยู่ในลักษณะของการใช้ของจำเลยที่ ๑ตามที่โจทก์อ้าง และไม่อยู่ในทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๓ ด้วย แต่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนอกเหนือจากเหตุการณ์ในช่วงแรกแล้ว จำเลยที่ ๑ และที่ ๓ จึงไม่ต้องร่วมรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เมื่อจำเลยที่ ๒ ขับรถขนขยะเฉี่ยวชนท้ายรถของร้อยตำรวจเอกทรงศักดิ์โดยประมาทเลินเล่อแล้วหลบหนีไปร้อยตำรวจเอกทรงศักดิ์จึงได้ขับรถติดตามจำเลยที่ ๒ ไปในทันทีทันใดเพื่อเจรจาทำความตกลงในเรื่องค่าเสียหายที่จำเลยที่ ๒ได้ก่อให้เกิดขึ้นดังกล่าว แต่จำเลยที่ ๒ กลับไม่ยอมลงมาเจรจาด้วยและขับรถขนขยะจะหลบหนีต่อไป ร้อยตำรวจเอกทรงศักดิ์จึงกระโดดขึ้นไปเกาะรถขนขยะทางด้านขวาของคนขับ จำเลยที่ ๒ จึงขับรถขนขยะโดยกระชากอย่างแรงจนเป็นเหตุให้ร้อยตำรวจเอกทรงศักดิ์ตกลงมาสู่พื้นถนนแล้วถูกรถขนขยะดังกล่าวทับถึงแก่ความตายนั้นย่อมเป็นได้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่ต่อเนื่องจากเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นในตอนแรก โดยไม่อาจที่จะแยกการกระทำดังกล่าวออกจากกันได้กรณียังถือได้ว่าเป็นการกระทำอันเกี่ยวเนื่องมาจากการใช้ของจำเลยที่ ๑ ที่ให้จำเลยที่ ๒ ขับรถขนขยะไปเก็บตามที่ได้วินิจฉัยแล้วในตอนต้นและอยู่ในทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๓ นั่นเอง ฎีกาข้อนี้ของจำเลยที่ ๑ และที่ ๓ ก็ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share