แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ข้อเท็จจริงที่ว่า วันใดเป็นวันหยุดราชการหรือไม่ เป็นข้อเท็จจริงซึ่งเป็นที่รู้กันอยู่ทั่วไป และศาลรู้ได้เองโดยคู่ความไม่ต้องนำสืบ เมื่อวันครบกำหนดอายุความเป็นวันอาทิตย์โจทก์ฟ้องในวันรุ่งขึ้น อันเป็นวันแรกที่เปิดทำการได้ แม้โจทก์จะมิได้นำสืบว่าวันดังกล่าวเป็นวันอาทิตย์ คดีโจทก์ก็ไม่ขาดอายุความ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ ได้ขับรถบรรทุกของจำเลยที่ ๒ โดยประมาทตัดหน้ารถบรรทุกของโจทก์ ทำให้รถทั้งสองคันเฉี่ยวชนกันรถบรรทุกของโจทก์ได้รับความเสียหาย จำเลยที่ ๓ เป็นผู้รับประกันภัยรถบรรทุกของจำเลยที่ ๒ จึงต้องร่วมรับผิด ขอให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน ๖๙,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ ๓ ให้การว่า เหตุคดีนี้เกิดจากความประมาทของคนขับรถของโจทก์ คดีขาดอายุความ เพราะโจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงชดใช้ค่าเสียหายในวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๔ แต่โจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๕ เกิน ๑ ปี ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย ๕๙,๐๐๐ บาทแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ ๓ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยที่ ๓ ฎีกาว่า โจทก์ไม่นำสืบให้เห็นว่าวันครบกำหนดอายุความเป็นวันหยุดราชการ คดีโจทก์ที่ฟ้องจึงพ้นกำหนดอายุความนั้น เห็นว่า ข้อเท็จจริงที่ว่าวันใดเป็นวันหยุดราชการหรือไม่ เป็นข้อเท็จจริงที่รู้กันอยู่ทั่วไปและศาลรู้ได้เอง โจทก์ไม่ต้องนำสืบ เมื่อปรากฏว่าวันดังกล่าวเป็นวันอาทิตย์ โจทก์นำคดีมาฟ้องในวันรุ่งขึ้น คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
พิพากษายืน.