แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลมีคำสั่งให้ยึดทรัพย์ของจำเลยไว้ชั่วคราวก่อนพิพากษาต่อมาพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี และออกคำบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาภายใน 30 วันนับแต่วันได้รับ คำบังคับ พนักงานเดินหมายรายงานว่า ได้ ปิดคำบังคับไว้ที่บ้านของจำเลยตาม คำสั่งศาลเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2526 ต้อง ถือว่าจำเลยรับคำบังคับภายหลังปิดคำบังคับ 15 วัน คือวันที่ 14 กรกฎาคม 2526 จำเลยจะต้องปฏิบัติตาม คำพิพากษาภายในวันที่ 13 สิงหาคม 2526 โจทก์จึงต้องขอหมายบังคับคดีภายในวันที่ 28 สิงหาคม 2526 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 260(2) เมื่อโจทก์มาขอให้ศาลแต่งตั้ง เจ้าพนักงานบังคับคดีในวันที่ 28 กันยายน 2526จึงเกินกำหนดเวลาที่กฎหมายบังคับไว้ไปถึง 1 เดือน คำสั่งให้ยึดทรัพย์ของจำเลยไว้ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาจึงเป็นอันยกเลิกการที่โจทก์อ้างว่าโจทก์ได้ ติดตาม ผลของการส่งคำบังคับตลอดมาแต่พนักงานเดินหมายไม่รายงานผลของการส่งคำบังคับต่อศาล ทำให้โจทก์ขอหมายบังคับคดีล่าช้านั้น ไม่เป็นข้อแก้ตัวที่จะยกเว้นบทบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 260(2)เพราะโจทก์อาจขอหมายบังคับคดีไว้ก่อนได้ .
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินตามเช็คพร้อมดอกเบี้ย และร้องขอให้ศาลยึดทรัพย์ของจำเลยไว้ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้ยึดทรัพย์ของจำเลยไว้ชั่วคราว
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินตามเช็คแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
โจทก์ขอให้ออกคำบังคับ เมื่อศาลชั้นต้นออกคำบังคับส่งให้จำเลยแล้วต่อมาโจทก์ขอให้ศาลแต่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่อเอาทรัพย์ของจำเลยที่ยึดไว้ชั่วคราวขายทอดตลาดต่อไป เจ้าพนักงานบังคับคดีแจ้งว่า โจทก์ไม่ขอหมายบังคับคดีภายในกำหนดเวลา การยึดทรัพย์ไว้ชั่วคราวจึงสิ้นผล โจทก์ยื่นคำร้องว่า โจทก์ไม่สามารถทราบผลการส่งหมายได้ว่าครบกำหนดคำบังคับเมื่อใด เพราะรายงานการส่งหมายเพิ่งถึงศาลเมื่อวันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๑๖ ขอให้ศาลแต่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีต่อไป
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฏีกาวินิจฉัยว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๒๖๐ (๒) บัญญัติไว้ว่า “ถ้าคดีนั้นศาลตัดสินให้โจทก์ชนะ คำสั่งนั้นคงมีผลต่อไปจนกว่าจะได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นเท่าที่จำเป็น เพื่อบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้น แต่ถ้าโจทก์มิได้ขอหมายบังคับคดีภายในกำหนดสิบห้าวัน นับแต่วันสิ้นระยะเวลาที่กำหนดไว้ในคำบังคับเพื่อให้ปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือคำสั่งให้ถือว่าคำสั่งนั้นเป็นอันยกเลิก เมื่อสิ้นระยะเวลาเช่นว่านั้น” กรณีนี้พนักงานเดินหมายรายงานว่า ได้ปิดคำบังคับไว้ที่บ้านของจำเลยตามคำสั่งศาลเมื่อวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๒๖ คำบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันได้รับคำบังคับ กรณีปิดคำบังคับต้องถือว่าจำเลยรับคำบังคับภายหลังปิดคำบังคับ ๑๕ วัน คือวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๒๖ จำเลยจะต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาภายในวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๒๖ โจทก์จึงต้องขอหมายบังคับคดีภายในวันที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๒๖ เมื่อโจทก์มาขอให้ศาลแต่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีในวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๒๖ จึงเกินกำหนดเวลาที่กฎหมายบังคับไว้ไปถึง ๑ เดือน คำสั่งให้ยึดที่ดินและบ้านของจำเลยไว้ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาเป็นอันยกเลิก โจทก์จะมาขอให้ศาลแต่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยที่ได้ยึดไว้ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาซึ่งถูกยกเลิกไปแล้วหาได้ไม่ การที่โจทก์อ้างว่าโจทก์ได้ติดตามผลของการส่งคำบังคับตลอดมา แต่พนักงานเดินหมายไม่รายงานผลของการส่งคำบังคับต่อศาล ทำให้โจทก์ขอหมายบังคับคดีล่าช้านั้นไม่เป็นข้อแก้ตัวที่จะยกเว้นบทบังคับของกฎหมายดังกล่าวได้ เพราะโจทก์อาจขอหมายบังคับคดีไว้ก่อนได้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฏีกาของโจทก์ฟังไม่ชึ้น
พิพากษายืน.