แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พฤติการณ์ของจำเลยที่ 3 ที่เข้ามาเกี่ยวข้องในการซื้อขายเมทแอมเฟตามีนของกลางนับแต่การที่จำเลยที่ 3 ร่วมเดินทางกับจำเลยที่ 1 และที่ 2ไปพบตำรวจที่ปลอมตัวเป็นผู้ซื้อที่จุดนัดพบ เมื่อตำรวจขอให้จำเลยที่ 1 ไปส่งมอบเมทแอมเฟตามีนให้ที่บ้านเช่าที่เกิดเหตุ จำเลยที่ 3 ก็ได้ร่วมเดินทางตามไปที่บ้านดังกล่าวด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะที่เข้าไปอยู่ในบ้าน เมื่อจำเลยที่ 1นำเมทแอมเฟตามีนออกส่งมอบให้ตำรวจตรวจนับดูว่าครบจำนวนที่จะซื้อขายกันหรือไม่จำเลยที่ 3 ก็ได้นั่งล้อมวงดูอยู่ด้วย และขณะตำรวจนับไปได้ 4 ถึง 5 เม็ดจำเลยที่ 3 ยังพูดรับรองว่าไม่ต้องนับหรอกของที่เอามาเต็มจำนวน แสดงให้เห็นโดยชัดเจนว่า จำเลยที่ 3 ได้รู้เห็นและมีเจตนาร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายมาตั้งแต่ต้น แม้จะมิได้เป็นผู้ครอบครองเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวด้วยตนเองก็รับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่า จำเลยที่ 3 ร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 67, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 83 ริบเมทแอมเฟตามีนของกลางที่เหลือจากการตรวจพิสูจน์
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ แต่ก่อนสืบพยานโจทก์ จำเลยที่ 1 และที่ 2 ขอถอนคำให้การเดิม และให้การใหม่เป็นรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่ง (ที่ถูกต้องปรับบทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ด้วย) จำคุกคนละ 18 ปี จำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่ง และคำให้การในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 3 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 2 คนละ 9 ปี จำคุกจำเลยที่ 3 มีกำหนด 12 ปี ริบเมทแอมเฟตามีนของกลางที่เหลือจากการตรวจพิสูจน์
จำเลยที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายืน
จำเลยที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 3 ว่า จำเลยที่ 3 ร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า พฤติการณ์ของจำเลยที่ 3 ที่เข้ามาเกี่ยวข้องในการซื้อขายเมทแอมเฟตามีนของกลางนับแต่การที่จำเลยที่ 3 ร่วมเดินทางกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ไปพบนายดาบตำรวจ พิชิตกับพวกที่จุดนัดพบหน้าโรงเรียนเซนต์แมรี่ เมื่อนายดาบตำรวจ พิชิตขอให้จำเลยที่ 1 ไปส่งมอบเมทแอมเฟตามีนให้แก่นายดาบตำรวจ พิชิตที่บ้านเช่าที่เกิดเหตุ จำเลยที่ 3 ก็ได้ร่วมเดินทางตามไปที่บ้านดังกล่าวด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะที่เข้าไปอยู่ในบ้าน เมื่อจำเลยที่ 1 นำเมทแอมเฟตามีนออกมาส่งมอบให้นายดาบตำรวจ พิชิตตรวจนับดูว่าครบจำนวนที่จะซื้อขายกันหรือไม่ จำเลยที่ 3 ก็ได้นั่งล้อมวงดูอยู่ด้วย และขณะนายดาบตำรวจ พิชิตนับไปได้ 4 ถึง 5 เม็ด จำเลยที่ 3 ยังพูดรับรองว่าไม่ต้องนับหรอกของที่เอามาเต็มจำนวน 200 เม็ด หลังจากนั้นจำเลยที่ 3 จึงถูกเจ้าพนักงานตำรวจเข้าจับกุมพร้อมกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 และให้การรับสารภาพทั้งในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน เช่นนี้ย่อมแสดงให้เห็นโดยชัดเจนว่า จำเลยที่ 3 ได้รู้เห็นและมีเจตนาร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายมาตั้งแต่ต้น แม้จะมิได้เป็นผู้ครอบครองเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวด้วยตนเองก็ตาม พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบรับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่า จำเลยที่ 3 ร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ตามฟ้อง พยานหลักฐานของจำเลยที่ 3 ไม่อาจรับฟังหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ได้ และเห็นว่าโทษที่ศาลล่างทั้งสองกำหนดไม่เกินอัตราโทษตามกฎหมายเพราะมิใช่ความผิดตามมาตรา 67 ดังที่จำเลยที่ 3 ฎีกา ทั้งเป็นการใช้ดุลพินิจในการลงโทษจำเลยที่ 3 เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งรูปคดีแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยที่ 3 ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.