คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1732/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่โจทก์กล่าวในฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ซึ่ง เป็นห้างหุ้นส่วนจำกัดออกเช็ค โดย มีจำเลยที่ 2 ซึ่ง เป็นหุ้นส่วนประเภทจำกัดความรับผิดลงลายมือชื่อสั่งจ่ายและประทับตราของจำเลยที่ 1แม้ข้อเท็จจริงตาม ทางพิจารณาจะได้ความว่า ผู้เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1 เป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่าย มิใช่จำเลยที่ 2 ก็เป็นเพียงข้อแตกต่างในรายละเอียดของการบรรยายฟ้องอันเกี่ยวกับตัว ผู้ทำการแทนนิติบุคคลเท่านั้น มิใช่ข้อแตกต่างในข้อสาระสำคัญอันจะเป็นเหตุให้ศาลลงโทษจำเลยที่ 1 ไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ เป็นนิติบุคคล มี น. เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ และมีจำเลยที่ ๒ เป็นหุ้นส่วนประเภทจำกัดความรับผิด จำเลยที่ ๑ ออกเช็คโดยจำเลยที่ ๒ ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายและประทับตราของจำเลยที่ ๑ ให้แก่โจทก์ ต่อมาเช็คถูกปฏิเสธการจ่ายเงิน ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๓
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ ๑ มีความผิดตามพระราชบัญญัติ ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๓ (๑) (๒) ให้ปรับจำเลยที่ ๑ เป็นเงิน ๕๐,๐๐๐ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยที่ ๑ ออกเช็คพิพาทโดยมี น.หุ้นส่วนผู้จัดการเป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายและประทับตราของจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๒ มิได้ลงชื่อเป็นผู้สั่งจ่าย ปัญหามีว่า ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฎในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในในฟ้องอันจะเป็นเหตุให้ศาลต้องยกฟ้องหรือไม่ เห็นว่า คำฟ้องของโจทก์ดังกล่าวเป็นการกล่าวหาว่าจำเลยที่ ๑ ออกเช็คโดยจำเลยที่ ๒ เป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่าย ก็เป็นข้อแตกต่างในส่วนที่เกี่ยวกับตัวผู้ทำการแทนนิติบุคคลซึ่งเป็นเพียงรายละเอียดของการบรรยายฟ้องเท่านั้น มิใช่ข้อแตกต่างในข้อสาระสำคัญอันเป็นเหตุให้ศาลลงโทษจำเลยที่ ๑ ไม่ได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยที่ ๑ นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยที่ ๑ ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน .

Share