คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3915/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จะอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องหรือไม่เป็นดุลพินิจของศาล ซึ่งนอกจากพิจารณาถึงความสุจริตในการดำเนินคดีของโจทก์แล้วศาลจะต้องพิจารณาถึงผลได้ผลเสียของคู่ความทุกฝ่ายด้วย มิใช่จะพิจารณาแต่เพียงผลได้ผลเสียของโจทก์ผู้ขอถอนฟ้องแต่ฝ่ายเดียว
โจทก์ทราบข้อบกพร่องของคำฟ้องจากคำให้การของจำเลยแล้วไม่ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องเสียก่อนวันนัดชี้สองสถาน ในวันนัดชี้สองสถานทนายโจทก์แถลงด้วยวาจาว่า กรณีเดียวกันนี้ทนายโจทก์ยื่นฟ้องวันเดียวกัน ๒ เรื่อง การกลัดเอกสารท้ายคำฟ้องสับสนผิดเรื่อง จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ได้คัดค้านหากโจทก์จะขอแก้ไขคำฟ้องเสียให้ถูกต้อง โจทก์จึงขอถอนฟ้อง แต่จำเลยที่ ๑ และที่ ๒แถลงคัดค้าน ดังนี้ในวันนั้นถ้าโจทก์ไม่ขอถอนฟ้อง ศาลชั้นต้นก็ต้องทำการชี้สองสถานกำหนดประเด็นข้อพิพาทไปตามคำฟ้องคำให้การของคู่ความ และเมื่อมีการชี้สองสถานแล้ว ศาลอาจไม่อนุญาตให้โจทก์แก้ไขคำฟ้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา๑๘๐ วรรคสอง(๒) จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ได้ยกข้อบกพร่องของคำฟ้องของโจทก์ขึ้นมาต่อสู้คดีไว้แล้ว คดีเห็นได้ชัดว่าเมื่อไม่อาจแก้ไขข้อบกพร่องของคำฟ้องที่จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ยกขึ้นต่อสู้คดีไว้ให้แจ้งชัดและถูกต้องได้แล้ว โจทก์จึงขอถอนฟ้องเพื่อนำคำฟ้องที่ได้เรียบเรียงใหม่แก้ไขข้อบกพร่องและความไม่ถูกต้องต่าง ๆ ที่จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ยกขึ้นต่อสู้ไว้แล้วมายื่นใหม่เป็นการเอาเปรียบจำเลยในเชิงคดี ทำให้จำเลยเสียหาย จึงไม่อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้อง.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อเดือนตุลาคม ๒๕๒๖ โจทก์นำเงิน ๑๘๙,๑๓๓ บาทไปฝากไว้กับบริษัทเงินเยาวราช จำกัด บริษัทได้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินตามบัญชีเลขที่ ฝ.๘๘๙๘ เลขที่ ๑๒๖๕๗/๒๕๒๖ ลงวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๒๖สัญญาจะจ่ายเงินคืนให้โจทก์ในวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๒๗ พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี ต่อมาจำเลยที่ ๑ ตามข้อเสนอและความเห็นชอบของจำเลยที่ ๒ ได้เพิกถอนใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจเงินทุนฯ ของบริษัทเงินทุนเยาวราช จำกัด แล้วแต่งตั้งผู้ชำระบัญชี จำเลยที่ ๑ที่ ๒ ได้กำหนดมาตรการให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนผู้ถือตั๋วสัญญาใช้เงิน โดยให้จำเลยที่ ๓ เป็นผู้รับแลกเปลี่ยนตั๋วสัญญาใช้เงินและกำหนดหลักเกณฑ์การจ่ายคืนเงินใหม่ โจทก์ได้ยื่นคำขอเปลี่ยนตั๋วสัญญาใช้เงินต่อจำเลยที่ ๓ ต่อมาจำเลยที่ ๓ ได้มีหนังสือแจ้งต่อโจทก์ว่า โจทก์ไม่มีสิทธิได้รับการเปลี่ยนตั๋วสัญญาใช้เงินโดยอ้างว่าจำเลยที่ ๒ ได้พิจารณาแล้วมีความเห็นดังกล่าว ขอให้พิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ร่วมกันหรือแทนกันกับจำเลยที่ ๒ มีคำสั่งให้จำเลยที่ ๓ รับแลกเปลี่ยนตั๋วสัญญาใช้เงินที่บริษัทเงินทุนเยาวราช จำกัด ออกให้โจทก์ หรือชำระเงิน ๑๘๙,๑๓๓ บาทแก่โจทก์
จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ให้การว่า ตั๋วสัญญาใช้เงินที่โจทก์เป็นผู้ทรงเป็นตั๋วที่บริษัทเงินทุนเยาวราช จำกัด ออกให้ในช่วงระยะเวลาที่บริษัทไม่มีสภาพคล่องทางการเงินไม่สามารถจ่ายเงินให้แก่ผู้ถือตั๋วได้ และตั๋วสัญญาใช้เงินที่โจทก์เป็นผู้ทรงไม่อยู่ในข่ายที่จะรับเปลี่ยนตั๋ว คำฟ้องโจทก์เคลือบคลุมโดยมิได้บรรยายว่าจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ กระทำละเมิดต่อโจทก์หรือผิดสัญญากับโจทก์อย่างไรที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ คำบรรยายฟ้องก็ไม่ชัดแจ้งและขัดกัน จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ไม่อาจแก้คดีได้ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๓ ให้การว่า คำฟ้องของโจทก์ไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะเอกสารท้ายคำฟ้องแตกต่างกับคำบรรยายฟ้องโดยสิ้นเชิง จำเลยที่ ๓ ไม่สามารถให้การต่อสู้คดีได้ ขอให้ยกฟ้อง
ในวันนัดชี้สองสถาน โจทก์แถลงต่อศาลด้วยวาจาว่า กรณีเดียวกันนี้ทนายโจทก์ยื่นฟ้องวันเดียวกัน ๒ เรื่อง การกลัดเอกสารท้ายคำฟ้องสับสนผิดเรื่อง ซึ่งจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้คดีว่าคำฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมและทนายจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ คัดค้านไม่ยอมให้แก้ไขใด ๆ นอกจากนี้จำเลยที่ ๓ ยังให้การต่อสู้คดีว่าได้รับสำเนาคำฟ้องผิดเรื่องจึงให้การต่อสู้คดีไม่ถูก ขอให้ศาลพิพากษายกฟ้อง ทำให้เกิดปัญหานอกประเด็น เพื่อตัดปัญหาดังกล่าวทนายโจทก์จึงยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง จำเลยรับสำเนาแล้วคัดค้านการขอถอนฟ้อง ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้อง คืนค่าขึ้นศาลให้โจทก์สามในสี่
จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วพิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่จะอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องหรือไม่เป็นดุลพินิจของศาล ซึ่งนอกจากพิจารณาถึงความสุจริตในการดำเนินคดีของโจทก์แล้วศาลจะต้องพิจารณาถึงผลได้ผลเสียของคู่ความทุกฝ่ายอีกด้วย มิใช่จะพิจารณาแต่เพียงผลได้ผลเสียของโจทก์ผู้ขอถอนฟ้องแต่ฝ่ายเดียว การถอนฟ้องนั้นโจทก์อาจยื่นฟ้องใหม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๗๖ คดีนี้ปรากฏว่าโจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์นำเงินไปฝากบริษัทเงินทุนเยาวราช จำกัดจำนวน ๑๘๙,๑๓๓ บาท บริษัทได้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินตามบัญชีเลขที่ฝ.๘๘๙๘ เลขที่ ๑๒๖๕๗/๒๕๒๖ ลงวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๒๖ สัญญาจะจ่ายเงินคืนให้โจทก์ในวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๒๗ พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ๑๕ ต่อปี ตามสำเนาภาพถ่ายตั๋วสัญญาใช้เงินท้ายคำฟ้องหมายเลข ๒เมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๒๗ โจทก์ในฐานะผู้ถือตั๋วสัญญาใช้เงินตามสำเนาภาพถ่ายท้ายคำฟ้องหมายเลข ๒ ได้ยื่นคำขอเปลี่ยนตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าวต่อจำเลยที่ ๓ ตามหนังสือแสดงเจตนาขอเปลี่ยนตั๋วสัญญาใช้เงินเลขที่ ๓๑๑๘ ลงวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๒๗บริษัทดังกล่าวรับหนังสือของโจทก์ไว้แล้วปรากฏตามสำเนาภาพถ่ายใบรับหนังสือท้ายคำฟ้องหมายเลข ๓ แต่ปรากฏตามสำเนาภาพถ่ายท้ายคำฟ้องเอกสารหมายเลข ๒ และหมายเลข ๓ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคำฟ้องเป็นสำเนาภาพถ่ายของตั๋วสัญญาใช้เงินตามบัญชีเลขที่ ฝ.๘๙๐๐เลขที่ ๑๒๖๕๙/๒๕๒๖ สัญญาว่าจะจ่ายเงิน ๑๑๓,๒๒๙ บาท แก่นางลาวัณย์ติกคณารักษ์ และสำเนาภาพถ่ายใบรับหนังสือแสดงเจตนาขอเปลี่ยนตั๋วสัญญาใช้เงินเลขที่ ๑๔๐๖ ที่จำเลยที่ ๓ ออกให้แก่นางลาวัณย์ตามลำดับ ซึ่งจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ก็ได้ให้การต่อสู้คดีไว้ว่าจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ มิได้มีนิติสัมพันธ์กับโจทก์และคำฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมเพราะมิได้บรรยายโดยชัดแจ้งว่าจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ละเมิดต่อโจทก์หรือผิดสัญญากับโจทก์อย่างไรที่ก่อให้เกิดความเสียหาแก่โจทก์ โจทก์เรียกร้องเงินจำนวนใดจากจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ คำฟ้องขัดกันและบรรยายไม่ชัดแจ้ง ปรากฏว่าโจทก์ทราบข้อบกพร่องของคำฟ้องจากคำให้การของจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ แล้วไม่ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องเสียให้แจ้งชัดหรือถูกต้องก่อนวันนัดชี้สองสถานและคดีได้ความตามรายงานกระบวนพิจารณา ลงวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๓๐ ซึ่งเป็นวันนัดชี้สองสถานว่า จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ได้คัดค้านหากโจทก์จะขอแก้ไขคำฟ้องเสียให้แจ้งชัดถูกต้อง โจทก์จึงแถลงว่า เพื่อตัดปัญหาดังกล่าวโจทก์จึงขอถอนฟ้อง จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ แถลงคัดค้านการขอถอนฟ้อง ศาลฎีกาเห็นว่า ในวันนั้นถ้าโจทก์ไม่ขอถอนฟ้องศาลชั้นต้นก็ต้องทำการชี้สองสถานกำหนดประเด็นข้อพิพาทไปตามคำฟ้องคำให้การของคู่ความ และเมื่อมีการชี้สองสถานแล้ว ศาลอาจไม่อนุญาตให้โจทก์แก้ไขคำฟ้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่มาตรา ๑๘๐ วรรคสอง (๒) จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ได้ยกข้อบกพร่องของคำฟ้องของโจทก์ขึ้นมาต่อสู้คดีไว้แล้ว คดีเห็นได้ชัดว่าเมื่อไม่อาจแก้ไขข้อบกพร่องของคำฟ้องที่จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ยกขึ้นต่อสู้คดีไว้ให้แจ้งชัดและถูกต้องได้แล้ว โจทก์จึงขอถอนฟ้องเพื่อนำคำฟ้องที่ได้เรียบเรียงใหม่แก้ไขข้อบกพร่องและความไม่ถูกต้องต่าง ๆ ที่จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ยกขึ้นต่อสู้ไว้แล้วมายื่นใหม่เป็นการเอาเปรียบจำเลยทั้งสามในเชิงคดี ทำให้จำเลยทั้งสามเสียหาย ปรากฏว่าหลังจากศาลชั้นต้นอนุญาตให้ถอนฟ้องได้แล้วโจทก์ก็ได้นำคำฟ้องมายื่นใหม่เป็นคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๓๔๗๖/๒๕๓๑ ของศาลแพ่งตามรูปคดีแล้วการอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องกับการให้ดำเนินคดีต่อไปเพราะไม่อนุญาตให้ถอนฟ้อง การได้เปรียบและเสียเปรียบในเชิงคดีจะแตกต่างกันได้พิเคราะห์ผลได้ผลเสียของคู่ความทั้งสองฝ่ายแล้ว เห็นควรไม่อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้อง ฎีกาของจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ฟังขึ้น
พิพากษากลับ ไม่อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ทั้งสามศาลให้เป็นพับ.

Share