คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1465/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์กู้เงินจำเลยไป 10,000 บาท มอบนาพิพาทอันเป็นที่ดินมือเปล่าให้จำเลยไว้ทำกินต่างดอกเบี้ย และมีข้อตกลงกันว่า ถ้าโจทก์ไม่ชำระหนี้ภายใน 1 ปี โจทก์ยอมยกนาให้เป็นสิทธิแก่จำเลย โจทก์มิได้ชำระหนี้ภายใน 1 ปี จำเลยได้ครอบครองนาพิพาทติดต่อกันมา 18 ปีแล้ว ดังนี้ การกู้เงินของโจทก์มิได้มอบนาให้จำเลยทำกินต่างดอกเบี้ยอย่างเดียว หากมีข้อตกลงยกนาให้จำเลย ถ้าโจทก์ไม่ชำระหนี้ภายใน 1 ปีด้วย แม้เป็นข้อตกลงที่จำเลยยอมรับเอานาพิพาทเป็นการชำระหนี้แทนเงินที่กู้ยืม โดยมิได้คิดเป็นจำนวนเท่ากับราคาของทรัพย์นั้นในเวลาและสถานที่ส่งมอบ อันตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 656 วรรค 2 และวรรค 3 ก็ตาม แต่โจทก์จำเลยได้แสดงเจตนาล่วงหน้าไว้ต่อกันแล้วว่า ถ้าโจทก์ไม่ชำระหนี้ภายใน 1 ปี โจทก์ยอมยกนาให้จำเลย นาพิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า เจ้าของมีแต่สิทธิครอบครอง การที่โจทก์ไม่ชำระหนี้ภายใน 1 ปี จากนั้นจำเลยได้ครอบครองติดต่อกันมานานถึง 18 ปีนั้น เห็นได้ว่าโจทก์ได้สละการครอบครองตั้งแต่เวลาพ้นกำหนด 1 ปี และจำเลยก็ได้ครอบครองเพื่อตนมาแต่เวลาเดียวกันนั้นแล้ว จำเลยจึงไม่มีสิทธิครอบครอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อประมาณ ๙ ปีมานี้โจทก์กู้เงินจำเลยไป ๗,๐๐๐ บาท มอบที่ดินแปลงหนึ่ง เนื้อที่ ๙ ไร่เศษ มีแบบแจ้งการครอบครองที่ดินให้จำเลยไว้ทำกินต่างดอกเบี้ย เมื่อ ๓-๔ เดือนมานี้ โจทก์ขอชำระหนี้และขอรับที่ดินคืน จำเลยบิดพลิ้ว จึงขอให้บังคับจำเลยรับชำระหนี้ ๗,๐๐๐ บาท คืนที่ดินและแบบแจ้งการครอบครองที่ดินให้โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยซื้อนาพิพาทจากโจทก์เป็นเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท ชำระราคาแล้ว จำเลยครอบครองเป็นเจ้าของตลอดมาจนบัดนี้เป็นเวลา ๑๕ ปีแล้ว ไม่ใช่กรณีกู้ยืมดังโจทก์ฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์กู้เงินจำเลยไป ๑๐,๐๐๐ บาท เอานาพิพาทเป็นประกัน และให้จำเลยทำกินต่างดอกเบี้ย ที่มีข้อตกลงว่าถ้าโจทก์ไม่ชำระหนี้ภายใน ๑ ปี โจทก์ยอมมอบนาพิพาทให้เป็นสิทธิแก่จำเลยนั้น มิได้คิดเป็นจำนวนเท่าราคาท้องตลาดแห่งทรัพย์นั้น ในเวลาและสถานที่ส่งมอบ จึงเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๕๖ วรรค ๒ และวรรค ๓ แต่พ้นกำหนดเวลาชำระหนี้แล้ว โจทก์ยอมยกนาพิพาทให้จำเลย เป็นการตีใช้หนี้ตามสัญญากู้แล้วจำเลยครอบครองอย่างเป็นเจ้าของตลอดมา ได้สิทธิครอบครองตามกฎหมาย โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเอาคืนได้ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์กู้เงินจำเลย มอบนาพิพาทให้ทำกินต่างดอกเบี้ย ข้อตกลงที่ว่าครบ ๑ ปี โจทก์ไม่ชำระหนี้ยอมยกนาพิพาทให้จำเลยมิได้คิดเป็นจำนวนเท่ากับราคาท้องตลาดแทนทรัพย์สินในเวลาและสถานที่ส่งมอบเป็นโมฆะ แต่นาพิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า ครบกำหนด ๑ ปีโจทก์ไม่ไถ่คืน เชื่อว่าโจทก์ยินยอมสละสิทธิการครอบครอบให้จำเลยแล้ว พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โจทก์กู้เงินจำเลยไป ๑๐,๐๐๐ บาท ตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๙๙ มอบนาพิพาทอันเป็นที่ดินมือเปล่าให้จำเลยไว้ทำกินต่างดอกเบี้ย และมีข้อตกลงกันว่า ถ้าโจทก์ไม่ชำระหนี้ภายใน ๑ ปี โจทก์ยอมยกนาพิพาทให้เป็นสิทธิแก่จำเลย ถ้าบิดพริ้วยอมให้ปรับเป็นเงินสองเท่าของเงินที่กู้ไปจากจำเลย โจทก์มิได้ชำระหนี้แก่จำเลยภายใน ๑ ปี จำเลยครอบครองนาพิพาทติดต่อกันมา ๑๘ ปีแล้ว
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การกู้เงินของโจทก์มิได้มอบนาพิพาทให้จำเลยทำกินต่างดอกเบี้ยอย่างเดียว หากมีข้อตกลงยกนาพิพาทให้จำเลยถ้าโจทก์ไม่ชำระหนี้ภายใน ๑ ปีด้วย แม้เป็นข้อตกลงที่จำเลยยอมรับเอานาพิพาทเป็นการชำระหนี้แทนเงินที่กู้ยืม โดยมิได้คิดเป็นจำนวนเท่ากับราคาของทรัพย์นั้นในเวลาและสถานที่ส่งมอบอันตกเป็นโมฆะตามประมวลกฏมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๕๖ วรรค ๒ และวรรค ๓ ก็ตาม แต่โจทก์จำเลยได้แสดงเจตนาล่วงหน้าไว้ต่อกันแล้วว่า ถ้าโจทก์ไม่ชำระหนี้แก่จำเลยภายใน ๑ ปี โจทก์ยอมยกนาพิพาทให้แก่จำเลย นาพิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า เจ้าของมีแต่กรรมสิทธิครอบครอง เมื่อโจทก์ไม่ชำระหนี้ภายใน ๑ ปี จากนั้นจำเลยได้ครอบครองนาพิพาทติดต่อกันมานานถึง ๑๘ ปี เห็นได้ว่าโจทก์ได้สละการครอบครองนาพิพาทตั้งแต่เวลาพ้นกำหนด ๑ ปี และจำเลยก็ได้ครอบครองเพื่อตนมาแต่เวลาเดียวกันนั้นแล้ว ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้ครอบครองทำกินต่างดอกเบี้ยดังฎีกาของโจทก์ ศาลล่างทั้งสองพิพากษาชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share