คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2314/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เดิมโจทก์ฟ้อง บ. ซึ่งเป็นผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่พิพาท โดยอ้างว่าได้ครอบครองปรปักษ์มาเกิน 10 ปี คดีหนึ่ง และโจทก์ได้ฟ้อง บ. กับจำเลยคดีนี้ขอให้เพิกถอนนิติกรรม บ. นำที่พิพาทไปจดทะเบียนขายฝากจำเลยอีกคดีหนึ่ง แม้ศาลฎีกาได้พิพากษาคดีแรกว่าโจทก์ได้กรรมสิทธิ์ที่พิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์ แต่ก็ได้พิพากษาคดีหลังว่าการขายฝากระหว่าง บ. กับจำเลยเป็นไปโดยสุจริตและมีค่าตอบแทน ย่อมผูกพันโจทก์มิให้โต้เถียงได้อีกว่าการขายฝากที่พิพาทเป็นไปโดยสมยอมกัน การขายฝากสมบูรณ์ตามกฎหมาย โจทก์หาอาจฟ้องคดีใหม่ขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนการขายฝากได้ไม่ ทั้งโจทก์ก็ไม่มีทางไถ่ถอนได้เพราะเวลาไถ่ถอนได้ล่วงพ้นไปแล้ว การที่โจทก์ยังอยู่ในที่พิพาทมาตั้งแต่วันฟ้องแย้งย่อมเป็นการละเมิดสิทธิ์ของจำเลย โจทก์ต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้จำเลยตามฟ้องแย้ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เดิมโจทก์ได้ฟ้องนางบุนนาคขอให้ศาลแสดงว่าที่ดินพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์โดยการครอบครองปรปักษ์ คดีถึงที่สุดโดยศาลฎีกาพิพากษาว่าที่ดินแปลงนี้เป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ ระหว่างดำเนินคดีนี้จำเลยกับนางบุนนาคได้สมคบกันจดทะเบียนขายฝากที่ดินดังกล่าวโดยสมยอมกัน โจทก์จึงฟ้องนางบุนนาคกับจำเลยให้เพิกถอนการจดทะเบียน คดีถึงที่สุดโดยศาลพิพากษาให้ยกฟ้อง โจทก์จึงฟ้องคดีนี้ให้จำเลยไปจดทะเบียนไถ่ถอนการขายฝากที่ดินพิพาทและรับชำระเงินจากโจทก์
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า ที่พิพาทนี้นางบุนนาคผู้ถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดได้ขายฝากให้ตนโดยถูกต้องตามกฎหมาย ครบกำหนดแล้วนางบุนนาคไม่ไถ่ถอนคืน เมื่อจำเลยได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทแล้ว โจทก์มาแสดงการเป็นปรปักษ์ต่อจำเลยถือเป็นการละเมิดต่อจำเลย จึงฟ้องแย้งให้ขับไล่โจทก์และเรียกค่าเสียหาย
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า ฟ้องแย้งจำเลยไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม ศาลชั้นต้นในคดีที่โจทก์ฟ้องนางบุนนาคพิพากษาให้โจทก์ได้กรรมสิทธิ์โดยครอบครองปรปักษ์ก่อนหมดเวลาไถ่คืนที่พิพาท แต่คดียังไม่ถึงที่สุดซึ่งจำเลยทราบแล้ว จำเลยไม่มีอำนาจฟ้องแย้งขับไล่โจทก์
ศาลชั้นต้นเห็นว่าเมื่อครบกำหนดตามสัญญาขายฝากแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิ์ไถ่ถอนการขายฝากหรืออยู่ในที่พิพาทซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยได้ พิพากษายกฟ้องโจทก์ ให้ขับไล่โจทก์กับให้โจทก์ใช้ค่าเสียหายแก่จำเลย
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า แม้จะฟังว่าโจทก์ได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์ในคดีที่โจทก์ฟ้องนางบุนนาคก็ตาม แต่ปรากฏว่าในการที่นางบุนนาคขายฝากที่ดินให้จำเลยก็ได้กระทำโดยสุจริตและมีค่าตอบแทนซึ่งโจทก์ไม่อาจขอให้เพิกถอนการขายฝากได้ตามคำพิพากษาซึ่งถึงที่สุดแล้ว ซึ่งคำพิพากษาเรื่องนี้ย่อมผูกพันโจทก์มิให้โต้เถียงได้อีกว่าการขายฝากเป็นการสมยอมกัน เมื่อการขายฝากสมบูรณ์ตามกฎหมาย โจทก์ก็หาอาจขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนขายฝากนั้นได้ไม่ และโจทก์ย่อมไม่มีทางไถ่ถอนเพราะเวลาไถ่ถอนล่วงพ้นมาแล้ว และเมื่อจำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่พิพาท โจทก์ไม่มีสิทธิ์ดีกว่าจำเลย การที่โจทก์ยังอยู่ในที่พิพาทตั้งแต่วันฟ้องแย้งย่อมเป็นการอยู่โดยละเมิด
พิพากษายืน.

Share