คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2862/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยที่ 1 สั่งจ่ายเช็คโดยเจตนาจะให้ผูกพันและชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย โดยจำเลยที่ 1 มีมูลหนี้ต่อโจทก์ เมื่อโจทก์นำเช็คไปขึ้นเงินไม่ได้ จำเลยที่1 ผู้สั่งจ่ายกับจำเลยที่ 3 ผู้สลักหลังจึงต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คนั้น ส่วนจำเลยที่ 2 ซึ่งทำสัญญาขายลดเช็คให้โจทก์ ก็ได้ให้คำรับรองต่อโจทก์ว่า เมื่อเช็คถึงกำหนดขึ้นเงินไม่ได้ด้วยประการใดๆ จำเลยที่ 2 ยอมรับผิดใช้เงินตามเช็คพร้อมทั้งดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 14 ต่อปี จำเลยที่ 2 จึงต้องร่วมรับผิดด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คธนาคารเอเชียทรัสท์ จำกัด สาขาหาดใหญ่เลขที่ 2544860 สั่งจ่ายวันที่ 20 ธันวาคม 2516 จำนวนเงิน 20,000 บาท ซึ่งจำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งจ่าย เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2516 จำเลยที่ 2 ได้นำเช็คฉบับดังกล่าว มาขายลดเช็คให้แก่โจทก์โดยมีข้อตกลงว่า เมื่อเช็คดังกล่าวถึงกำหนดชำระแล้วขึ้นเงินไม่ได้จำเลยที่ 2 ยอมรับผิดใช้เงินตามเช็คพร้อมทั้งดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 14 ต่อปี จำเลยที่ 3 เป็นผู้ลงนามสลักหลังประกันจำเลยที่ 1 ผู้สั่งจ่าย ต่อมาวันที่ 20 ธันวาคม 2516 โจทก์นำเช็คไปขึ้นเงินต่อธนาคารเอเชียทรัสท์ จำกัด สาขาหาดใหญ่ แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จึงขอให้บังคับให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงิน 20,000 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์

จำเลยทั้งสามให้การว่า จำเลยที่ 1 รับเหมาก่อสร้างงานของแขวงการทางราชบุรี โดยกู้เงินโจทก์ไปลงทุน ตกลงกับโจทก์ว่าให้โจทก์รับเงินค่ารับเหมาก่อสร้างไปจากแขวงการทางนั้นเอง โดยทำใบมอบอำนาจไว้ แขวงการทางทราบข้อตกลงนี้แล้ว โดยเหตุนี้จำเลยที่ 2 จึงยอมให้ขายเช็คนั้นในบัญชีเงินฝากของจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 ยอมค้ำประกันเพราะเห็นว่าธนาคารมีข้อตกลงในการรับเงินคืนอยู่แล้ว ต่อมางานรับเหมาก่อสร้างเสร็จ แขวงการทางแจ้งให้โจทก์ไปรับเงินงวดแรก 150,000 บาทเข้าบัญชีจำเลยที่ 1 ส่วนที่เหลือก็หักเงินเกินบัญชีที่กู้ไป โจทก์ไม่ยอมรับเงินจำนวนนั้นเอง ต่อมาเจ้าหน้าที่ใช้อุบายรับเงินไปเองทั้งหมด ทำให้เงินต้องสูญไปเพราะความประมาทเลินเล่อหรือจงใจของโจทก์ จำเลยทั้งสามย่อมพ้นความรับผิด

ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานแล้วพิพากษาให้จำเลยร่วมกันรับผิดชำระเงินตามเช็ค

จำเลยทั้งสามอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยทั้งสามฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสามให้การต่อสู้ว่า จำเลยที่ 2 ได้ขายเช็คให้โจทก์ ซึ่งเช็คนั้นจำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งจ่าย จำเลยที่ 3 เป็นผู้สลักหลัง เพราะโจทก์กับจำเลยที่ 1 มีข้อตกลงกันว่า เงินที่จำเลยที่ 1 กู้จากโจทก์ ให้โจทก์ไปรับชำระหนี้จากแขวงการทางราชบุรี ครั้นเมื่อแขวงการทางราชบุรีแจ้งให้โจทก์ไปรับเงิน โจทก์ไม่ยอมไปรับ ดังนี้ แม้จำเลยที่ 1 จะมีข้อตกลงกับโจทก์ดังกล่าวแต่การที่จำเลยที่ 1 สั่งจ่ายเช็คก็โดยเจตนาจะให้ผูกพันและชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย โดยจำเลยที่ 1 มีมูลหนี้ต่อโจทก์ เมื่อโจทก์นำเช็คไปขึ้นเงินไม่ได้จำเลยที่ 1 ผู้สั่งจ่ายกับจำเลยที่ 3 ผู้สลักหลังจึงต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คนั้นส่วนจำเลยที่ 2 ซึ่งทำสัญญาขายลดเช็คให้โจทก์ก็ได้รับรองต่อโจทก์ว่าเมื่อเช็คถึงกำหนดขึ้นเงินไม่ได้ด้วยประการใด ๆ จำเลยที่ 2 ยอมรับผิดใช้เงินตามเช็คพร้อมทั้งดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 14 ต่อปี จำเลยที่ 2 จึงต้องร่วมรับผิดด้วย

พิพากษายืน

Share