คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2161/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยกับผู้เสียหายเคยอยู่กินฉันสามีภรรยามาก่อน ต่อมาได้แยกกันอยู่เนื่องจากผู้เสียหายจะแต่งงานกับทหารอเมริกัน ก่อนเกิดเหตุจำเลยมีจดหมายถึงผู้เสียหายขอให้ไปพบมีข้อความว่า “ถ้าไม่ไปพบพี่แล้ว พี่ขอให้นางได้รู้เถิดว่าพี่ยอมสละทุกสิ่งทุกอย่าง พี่กับนางจะต้องเสียใจจนตลอดชีวิตของเราทั้งสองคน” ไม่ปรากฏว่าจำเลยมีความอาฆาตคิดสังหารผู้เสียหายมาก่อน จึงฟังไม่ถนัดว่าการที่จำเลยมีจดหมายดังกล่าวจะเป็นแผนการที่จำเลยวางไว้เพื่อจะฆ่าผู้เสียหาย
วันเกิดเหตุจำเลยมาที่บ้านผู้เสียหาย พบผู้เสียหายอยู่กับชายอื่นในห้องนอนสองต่อสอง เมื่อชายอื่นเปิดประตูห้อง ผู้เสียหายเดินตามออกมา จำเลยเข้าบีบคอผู้เสียหาย จำเลยจับผู้เสียหายเข้าไปในห้องนอนใส่กลอนประตู จำเลยใช้มีดพับสปริงแทงผู้เสียหาย 30 แผล บาดแผลทะลุถึงปอดต้องผ่าตัด ดังนี้ แสดงว่าจำเลยเกิดความหึงหวงขึ้นมาฉับพลันทันที แล้วจำเลยจึงแทงผู้เสียหาย ตามพฤติการณ์ดังกล่าวรูปคดียังไม่มีเหตุผลพอที่จะฟังว่าจำเลยมีแผนการหรือไตร่ตรองไว้ก่อน ในการที่จะฆ่าผู้เสียหาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจใช้มีดพับสปริงแทงนางคำผาง มุงคุณคำซาว ถูกบริเวณหน้าอก ลำคอ หลัง และแขน มีบาดแผล ๓๐ แผล โดยจำเลยมีเจตนาฆ่าให้ตายและโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และกระทำโดยทารุณโหดร้าย แต่แพทย์ได้ทำการผ่าตัดไว้ทันท่วงที นางคำผาง มุงคุณคำซาว จึงไม่ถึงแก่ความตายสมเจตนาของจำเลย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๒๘๙, ๘๐
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยใช้มีดแทงผู้เสียหายโดยเจตนาฆ่า และไตร่ตรองไว้ก่อน การกระทำของจำเลยมิใช่เป็นการบันดาลโทสะ หรือป้องกันตัว พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๙, ๘๐ ฯลฯ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย แต่ไม่เป็นการไตร่ตรองไว้ก่อน ทั้งมิใช่เป็นการบันดาลโทสะ และป้องกันเกียรติ พิพากษาแก้ เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๙, ๘๐ ฯลฯ
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยฎีกาขอให้ปรานีลดโทษลงอีก
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว ฟังข้อเท็จจริงว่า ก่อนเกิดเหตุจำเลยกับนางคำผางผู้เสียหายเคยอยู่กินกันฉันสามีภรรยามาก่อน ต่อมาแยกกันอยู่เนื่องจากผู้เสียหายจะแต่งงานกับทหารอเมริกัน วันเกิดเหตุจำเลยมาที่บ้านผู้เสียหาย ผู้เสียหายอยู่กับนายว่าวเพื่อนชายในห้องนอน จำเลยเรียกให้ผู้เสียหายเปิดประตู ผู้เสียหายไม่ยอมเปิด จำเลยทุบกระจกหน้าต่างหลังบ้านแตกแต่ก็เข้าไม่ได้ ต่อมานายว่าวเปิดประตูห้องโดยมีผู้เสียหายเดินตามออกมา จำเลยเข้าบีบคอผู้เสียหาย และจับผู้เสียหายเข้าไปในห้องนอนใส่กลอนประตู จำเลยใช้มีดพับสปริงแทงผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บ ๓. แผล บางแผลทะลุถึงปอดต้องผ่าตัด เมื่อตำรวจมาจับจำเลยพบจดหมายของจำเลยที่มีถึงผู้เสียหายในที่เกิดเหตุ ๑ ฉบับ จดหมายดังกล่าวมีข้อความว่า “ถ้าไม่ไปพบพี่แล้ว พี่ขอให้นางได้รู้เถิดว่าพี่ยอมสละทุกสิ่งทุกอย่าง พี่กับนางจะต้องเสียใจจนตลอดชีวิตของเราทั้งสองคน” ดังนี้เห็นว่า ข้อความในจดหมายแสดงว่าจำเลยยังมีจิตใจหลงรักผู้เสียหายอยู่มากและต้องการให้ผู้เสียหายเห็นใจไปพบจำเลย แม้จะมีข้อความว่าถ้าผู้เสียหายไม่ไปพบจำเลยกับผู้เสียหายจะต้องเสียใจจนตลอดชีวิต ก็ยังฟังไม่ถนัดว่าจะเป็นแผนการณ์ที่จำเลยวางไว้เพื่อฆ่าผู้เสียหาย เพราะไม่ปรากฏว่าจำเลยมีความอาฆาตคอยคิดสังหารผู้เสียหายมาก่อนแต่ประการใด เมื่อจำเลยมาพบผู้เสียหายอยู่ในห้องนอนกับนายว่าวสองต่อสอง ย่อมเป็นธรรมดาที่จำเลยต้องเกิดความหึงหวงขึ้นมาฉับพลันทันที ดังจะเห็นได้ว่าเมื่อผู้เสียหายเดินออกจากห้อง จำเลยก็ตรงเข้าบีบคอและนำผู้เสียหายเข้าไปในห้องใส่กลอนประตูทันที แล้วจำเลยจึงได้แทงผู้เสียหาย พฤติการณ์ดังกล่าวยังไม่มีเหตุผลพอที่จะฟังว่าจำเลยมีแผนการณ์หรือไตร่ตรองไว้ก่อนในการที่จะฆ่าผู้เสียหาย ฯลฯ
พิพากษายืน

Share