คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 140/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยถูกศาลพิพากษาลงโทษในคดีหนึ่งแล้วมากล่าวว่า’คดีนี้ไม่น่าจะแพ้เลยที่แพ้ก็เพราะเจ้าเมืองสั่งนายอำเภอเมืองไม่ให้ไปเป็นพยาน นายอำเภอเมืองเสียใจร้องไห้ที่ไม่ได้เป็นพยานเจ้าเมืองอย่างนี้ราษฎรได้รับความเดือดร้อน’ เช่นนี้ แปลได้ว่า จำเลยว่าการสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดทำให้เสียความยุติธรรมเป็นเหตุให้จำเลยแพ้คดีผู้ปกครองทำอย่างนี้ราษฎรได้รับความเดือดร้อน ย่อมทำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเสียชื่อเสียงหรือถูกดูหมิ่นเกลียดชังเป็นความผิดแล้ว หาใช่เป็นการติชมด้วยความเป็นธรรมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329(3) ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกล่าวคำหมิ่นประมาทใส่ความผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรีขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326

จำเลยปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดตามฟ้อง

จำเลยอุทธรณ์ว่าไม่ได้กระทำผิด

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน แต่มีผู้พิพากษานายหนึ่งทำความเห็นแย้งว่า ชอบที่จะยกฟ้องเพราะถ้อยคำของจำเลยยังไม่ถึงขนาดเป็นแต่เพียงติชมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329(3) เท่านั้น

จำเลยฎีกาโดยผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ที่มีความเห็นแย้ง รับรองให้ฎีกาข้อเท็จจริงได้

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยถูกฟ้องเรื่องหมิ่นประมาท อ้างนายอำเภอเมืองเป็นพยาน แต่นายอำเภอไม่ได้ไปเบิกความเพราะป่วยเจ็บ ศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลย จำเลยจึงพูดกับพยานโจทก์คดีนี้ว่า “คดีนี้ไม่น่าจะแพ้เลย ที่แพ้ก็เพราะเจ้าเมืองสั่งไม่ให้ไปเป็นพยานนายอำเภอเมืองเสียใจร้องไห้ที่ไม่ได้เป็นพยานเป็นเจ้าเมืองอย่างนี้ราษฎรได้รับความเดือดร้อนข้อความนี้แปลได้อยู่ในตัวเองว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งไม่ให้นายอำเภอไปเป็นพยานให้จำเลยที่ศาลทำให้เสียความยุติธรรม เป็นเหตุให้จำเลยแพ้คดีและผู้ว่าราชการจังหวัดทำอย่างนี้ราษฎรได้รับความเดือดร้อน ย่อมทำให้ผู้เสียหายเสียชื่อเสียง หรือถูกดูหมิ่นเกลียดชังได้ หาใช่เป็นการติชมด้วยความเป็นธรรม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329(3) ไม่

พิพากษายืน

Share