คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1646/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อโจทก์ได้ร้องขอให้บังคับคดีภายใน 10 ปีนับแต่วันที่ศาลชั้นต้นพิพากษาแล้ว โจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะดำเนินการบังคับต่อไปจนกว่าการบังคับจะแล้วเสร็จ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เดิมโจทก์ฟ้องจำเลยและนายกุนดาลลาลสามีจำเลยให้ใช้หนี้ตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๓๑๒๒/๒๕๐๓ คดีถึงที่สุดชั้นศาลฎีกาซึ่งได้อ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๐๖ ให้จำเลยและนายกุนดาลาลาลร่วมกันใช้เงินให้โจทก์ ๒๘,๙๗๕ บาทกับดอกเบี้ยและค่าฤชาธรรมเนียม ถึงวันฟ้องคดีนี้จำเลยเป็นหนี้โจทก์ทั้งสิ้น ๖๓,๓๓๕ บาท โจทก์ได้ขอให้ออกหมายบังคับคดีเมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๐๗ แต่ไม่มีทรัพย์สินทีจะพึงยึดมาชำระหนี้ได้ จึงสันนิษฐานได้ว่าจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัว ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยเป็นบุคคลล้มละลาย
จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม จำเลยไม่รับรองว่าเป็นลูกหนี้โจทก์ตามคำพิพากษา หนี้ขาดอายุความบังคับคดี โจทก์ได้บังคับคดีไปบ้างแล้ว หนี้ไม่แน่นอนจำเลยมิใช่บุคคลมีหนี้สินล้นพ้นตัว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว มีคำสั่งให้พิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๔
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
คดีมีปัญหาว่า หนี้ตามคำพิพากษาในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๓๑๒๒/๒๕๐๓ ของศาลแพ่งขาดอายุความบังคับคดีไม่ได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่า จำเลยเป็นหนี้โจทก์จำนวน ๖๓,๓๓๕ บาท ตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๓๑๒๒/๒๕๐๓ ของศาลแพ่ง คดีถึงที่สุดชั้นศาลฎีกา โจทก์อ้างสำนวนการบังคับคดีของศาลแพ่งดังกล่าว ปรากฏว่ามีหมายบังคับคดีของศาลแพ่งที่โจทก์ร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาอยู่ ๒ ฉบับ คือ หมายบังคับคดีลงวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๐๔ และหมายบังคับคดีลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๐๗ ดังนั้น ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โจทก์ได้ร้องได้ร้องขอให้บังคับคดีภายใน ๑๐ ปี นับแต่วันที่ศาลแพ่งพิพากษาคดีแพ่งนั้นแล้ว โจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะดำเนินการบังคับคดีต่อไปจนกว่าการบังคับคดีจะแล้วเสร็จ หนี้ตามคำพิพากษาในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๓๑๒๒/๒๕๐๓ ของศาลแพ่ง ไม่ขาดอายุความบังคับคดี
พิพากษายืน

Share