คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 975/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยขายฝากที่ดิน น.ส.3 พร้อมบ้านพิพาทซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินดังกล่าวไว้กับ ส. แล้วไม่ไถ่คืนภายในกำหนด ต่อมา ส. ขายที่ดินและบ้านดังกล่าวให้แก่ผู้ร้องโดยทำสัญญาซื้อขายกันเอง ดังนี้ แม้สัญญาซื้อขายบ้านพิพาทระหว่าง ส. กับผู้ร้องเป็นโมฆะ เพราะไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก็ดี แต่บ้านพิพาทปลูกอยู่บนที่ดิน น.ส.3 ซึ่งมีได้แต่สิทธิครอบครอง บ้านพิพาทอันเป็นส่วนควบของที่ดินดังกล่าวจึงมีได้แต่เพียงสิทธิครอบครองเช่นเดียวกัน เมื่อ ส. ได้สละเจตนาครอบครองบ้านพิพาทให้ผู้ร้อง การครอบครองของ ส. ก็นิ้นลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1377 และผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รับโอนก็ได้ไปซึ่งการครอบครองตามมาตรา 1378 จำเลยไม่มีสิทธิใด ๆ ในบ้านพิพาท โจทก์จึงไม่มีสิทธิยึดบ้านพิพาทเพื่อขายทอดตลาด

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากโจทก์นำยึดบ้านพิพาทเพื่อขายทอดตลาดชำระหนี้โจทก์ตามคำพิพากษา ผู้ร้องขัดทรัพย์ยื่นคำร้องว่าผู้ร้องซื้อบ้านดังกล่าวพร้อมที่ดินโดยจำเลยได้ขายฝากบ้านและที่ดินให้กับนางสาวละออแล้วไม่ไถ่คืน แล้วผู้ร้องซื้อต่อจากนางสาวละออ
โจทก์คัดค้านว่าการซื้อขายระหว่างนางสาวละออกับผู้ร้องมิได้มีการจดทะเบียนตามกฎหมาย เป็นโมฆะ ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ถอนการยึดบ้านพิพาท
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้สัญญาซื้อขายบ้านพิพาทระหว่างนางสาวละออกับผู้ร้องขัดทรัพย์เป็นโมฆะเพราะไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก็ดี แต่บ้านพิพาทปลูกอยู่บนที่ดิน น.ส.๓ ซึ่งมีได้แต่สิทธิครอบครอง ดังนั้น บ้านพิพาทซึ่งเป็นส่วนควบของที่ดินดังกล่าวจึงมีได้แต่เพียงสิทธิครอบครองเช่นเดียวกัน เมื่อนางสาวละออทำสัญญาขายบ้านพิพาทให้ผู้ร้องขัดทรัพย์ ก็ถือได้ว่านางสาวละออสละเจตนาครอบครองบ้านพิพาทให้ผู้ร้องขัดทรัพย์ การครอบครองของนางสาวละออก็สิ้นลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๗๗ และผู้ร้องขัดทรัพย์ซึ่งเป็นผู้รับโอนก็ได้ไปซึ่งการครอบครองนั้นตามมาตรา ๑๓๗๘ จำเลยไม่มีสิทธิใด ๆ ในบ้านพิพาท โจทก์จึงไม่มีสิทธิยึดบ้านพิพาทขายทอดตลาด
พิพากษายืน

Share