คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1507/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาและคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาว่า จำเลยยักยอกเงิน ขอให้ลงโทษและให้จำเลยใช้เงินคืนแก่โจทก์ ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยรับฝากข้าวเปลือกของโจทก์ไว้ ต่อมาจำเลยได้เบียดบังเอาข้าวเปลือกของโจทก์ไปขายเสีย แล้วเบียดบังเอาเงินค่าข้าวเปลือกที่ขายได้เป็นของจำเลย เป็นความผิดฐานยักยอก แต่โจทก์จำเลยได้แสดงเจตนาเลิกคดีอาญาต่อกัน ได้ชื่อว่ายอมความกันโดยถูกต้องตามกฎหมาย สิทธิฟ้องคดีอาญาจึงระงับไป พิพากษายกฟ้องโจทก์ในทางอาญา แต่ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงินแก่โจทก์ โจทก์ไม่อุทธรณ์ จำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้องโจทก์ในคดีส่วนแพ่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโดยฟังข้อเท็จจริงตามศาลชั้นต้น จำเลยฎีกาขอให้ยกฟ้อง ดังนี้เมื่อคดีอาญาเป็นอันถึงที่สุดแล้ว ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งศาลจึงต้องถือตามข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา (ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46) เมื่อข้อเท็จจริงในทางอาญาได้ความว่า จำเลยรับฝากข้าวเปลือกของโจทก์ไว้แล้วนำไปขายแก่บุคคลอื่น เบียดบังเอาเงินค่าข้าวเปลือกไว้ จำเลยจึงต้องรับผิดใช้เงินค่าข้าวเปลือกนั้นให้โจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ฝากข้าวเปลือกจำเลยไว้ ต่อมาจำเลยขายข้าวเปลือกของโจทก์แล้วทุจริตยักยอกเอาเงินทั้งหมดไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว ขอให้ลงโทษและให้จำเลยใช้เงินค่าข้าวเปลือก ๑๕,๗๔๑ บาทแก่โจทก์
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธว่าไม่เคยรับฝากข้าวเปลือกของโจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ในทางอาญา ให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์ ๑๕,๗๔๑ บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาขอให้ยกฟ้อง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้เป็นคดีอาญาและคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยทั้งสองได้รับฝากข้าวเปลือกของโจทก์ไว้ ต่อมาจำเลยได้เบียดบังเอาข้าวเปลือกของโจทก์ไปขายเสีย แล้วเบียดบังเอาเงินค่าข้าวเปลือกที่ขายได้เป็นของจำเลย เป็นความผิดฐานยักยอก แต่โจทก์จำเลยได้แสดงเจตนาเลิกคดีอาญาต่อกัน ได้ชื่อว่ายอมความกันโดยถูกต้องตามกฎหมาย สิทธิฟ้องคดีอาญาจึงระงับไป พิพากษายกฟ้องโจทก์ในทางอาญา แต่ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงินแก่โจทก์ โจทก์ไม่อุทธรณ์ จำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้องโจทก์ในคดีส่วนแพ่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโดยฟังข้อเท็จจริงตามศาลชั้นต้น คดีอาญาเป็นอันถึงที่สุด ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งศาลจำต้องถือตามข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา (ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตา ๔๖) เมื่อข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในทางอาญาได้ความว่า จำเลยทั้งสองได้รับฝากข้าวเปลือกของโจทก์ไว้ แล้วนำไปขายแก่บุคคลอื่น เบียดบังเอาเงินค่าข้าวเปลือกไว้ จำเลยทั้งสองก็ต้องรับผิดหรือใช้เงินค่าข้าวเปลือกนั้นให้โจทก์
พิพากษายืน.

Share