แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
บรรยายฟ้องคดีหมิ่นประมาทว่าจำเลยร่วมกันเป็นตัวการก่อให้ผู้อื่นกระทำผิด โดยออกแถลงการณ์เป็นใบปลิวว่าผู้อำนวยการองค์การแก้วทุจริต แล้วอ่านใบปลิวนั้นด้วยเครื่องกระจายเสียงใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่สามว่าโจทก์ร่วมทุจริตกับผู้อำนวยการ แต่ถ้อยคำที่จำเลยพูดมีว่าอย่างไรใบปลิวที่โจทก์เท้าความถึงมีข้อความว่าอย่างไร โจทก์ได้ร่วมทุจริตอย่างไร มิได้บรรยายมาในฟ้องหรือแนบมาท้ายฟ้องคงกล่าวโดยสรุปว่าโจทก์ร่วมทุจริตกับผู้อำนวยการเท่านั้นคำฟ้องของโจทก์จึงไม่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(5)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งหกกับพวกได้สมคบกันก่อให้ผู้อื่นกระทำผิดโดยอ้างตัวเองเป็นผู้แทนของพนักงานองค์การแก้ว ทำการแจกจ่ายใบปลิวแก่คนงานขององค์การแก้ว แล้วอ่านใบปลิวนั้นด้วยเครื่องกระจายเสียงใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่สามว่าร่วมทุจริตกับพันเอกอาบ จิรพงศ์ ผู้อำนวยการโดยประการที่น่าจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง และจำเลยกับพวกยังได้ข่มขืนใจให้โจทก์ยื่นใบลาออกซึ่งเป็นเอกสารสิทธิต่อจำเลย โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกายและเสรีภาพของโจทก์ จนโจทก์ต้องทำใบลายื่นต่อจำเลย นอกจากนี้จำเลยยังปิดประตูโรงงาน โจทก์จะออกจากโรงงานกลับบ้าน จำเลยที่ ๖ ไม่ยอมให้กลับ และถ้าหลบหนีไปจะได้รับอันตรายเป็นการหน่วงเหนี่ยวให้โจทก์ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๐๙, ๓๑๐, ๓๒๖, ๓๒๘, ๘๓ และ ๘๔
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับเฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การบรรยายฟ้องของโจทก์ที่ว่าจำเลยร่วมกันเป็นตัวการก่อให้ผู้อื่นกระทำผิด โดยออกแถลงการณ์เป็นใบปลิวว่าผู้อำนวยการทุจริตและจำเลยที่ ๖ ใส่ความโจทก์โดยพูดทางเครื่องกระจายเสียงว่าโจทก์ร่วมทุจริตกับผู้อำนวยการ แต่ถ้อยคำที่จำเลยที่ ๖ พูดใส่ความโจทก์มีว่าอย่างไร ใบปลิวที่โจทก์เท้าความถึงมีข้อความว่าอย่างไร โจทก์จะร่วมทุจริตอย่างไร โจทก์มิได้บรรยายมาในฟ้องหรือแนบมาท้ายฟ้อง คงกล่าวโดยสรุปว่าโจทก์ร่วมทุจริตกับผู้อำนวยการเท่านั้น ฉะนั้น คำฟ้องของโจทก์จึงไม่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕๘(๕)
พิพากษายืน