คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 367/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์จำเลยทำสัญญากัน โดยโจทก์มอบเครื่องไฟฟ้าพร้อมทั้งแผงไฟให้จำเลยที่ 1 เป็นการตอบแทนในการที่จำเลยที่ 1ในฐานะผู้เสียหายและโจทก์ร่วมในคดีอาญายอมถอนคำร้องทุกข์เพื่อศาลฎีกาจะได้สั่งจำหน่ายคดีและปล่อย ท. ไป แต่เมื่อจำเลยที่ 3 ในฐานะทนายความของจำเลยที่ 1 นำคำร้องขอถอนคำร้องทุกข์ของจำเลยที่ 1 ไปยื่นต่อศาลอาญา ปรากฏว่าลายมือชื่อและตราที่ประทับในคำร้องแตกต่างกับลายมือชื่อของจำเลยที่ 2และตราที่ประทับในใบแต่งทนายที่จำเลยที่ 1 ยื่นไว้ในคดีอาญาศาลอาญาจึงต้องเรียกจำเลยที่ 2 ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1 มาสอบถาม แต่จำเลยที่ 2 ไม่ยอมไปศาลหลายนัดจนศาลอาญาเห็นว่าเป็นการประวิงคดี ศาลอาญาจึงให้ยกคำร้องขอถอนคำร้องทุกข์นั้นเสีย และได้อ่านคำพิพากษาของศาลฎีกาให้คู่ความฟัง ปรากฏว่าศาลฎีกาคงให้ลงโทษ ท. ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ดังนี้ แสดงว่าจำเลยที่ 2 ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจำเลยที่ 1 พยายามหลีกเลี่ยงไม่ไปศาลเพื่อมิให้ศาลฎีกาสั่งจำหน่ายคดีและปล่อย ท. ตามที่ตกลงกันไว้ในสัญญาเมื่อจำเลยที่ 2 ไม่ไปศาล ศาลอาญาก็ไม่อาจส่งคำร้องขอถอนคำร้องทุกข์ของจำเลยที่ 1 ไปให้ศาลฎีกาสั่งได้เพราะไม่อาจทราบได้ว่าเป็นคำร้องขอถอนคำร้องทุกข์ของจำเลยที่ 1 หรือไม่ จำเลยที่ 1จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาเนื่องจากปฏิบัติไม่ครบถ้วนตามสัญญา จำต้องคืนเครื่องกำเนิดไฟฟ้าพร้อมทั้งแผงไฟให้แก่โจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เดิมห้างหุ้นส่วนจำเลยที่ ๑ โดยจำเลยที่ ๒ หุ้นส่วนผู้จัดการได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนว่านายทองย้อย สรงประภา กับพวก ร่วมกันกระทำความผิดพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพนักงานอัยการได้ฟ้องนายทองย้อย สรงประภา กับพวก และจำเลยที่ ๑ร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมในขณะที่คดีดังกล่าวอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา จำเลยทั้งสามและโจทก์ได้ทำสัญญากัน โดยจำเลยทั้งสามยอมถอนคำร้องทุกข์คดีนั้น และโจทก์ยอมมอบเครื่องกำเนิดไฟฟ้าหนึ่งเครื่องพร้อมทั้งแผงไฟราคา ๖๒,๕๐๐ บาท และเช็คธนาคารกรุงไทย จำกัด เงิน๕,๐๐๐ บาท ให้จำเลยทั้งสามกับพวก จำเลยทั้งสามผิดสัญญาไม่ถอนคำร้องทุกข์จนศาลอาญายกคำร้องและอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาซึ่งพิพากษาให้จำคุกนายทองย้อย ๑ ปี โจทก์ทวงถามให้จำเลยทั้งสามคืนทรัพย์ดังกล่าวจำเลยที่ ๓ คงคืนให้โจทก์เฉพาะเช็ค ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยทั้งสามคืนเครื่องกำเนิดไฟฟ้าพร้อมแผงไฟให้โจทก์ หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคาพร้อมทั้งค่าเสียหายนับแต่วันทำสัญญาจนถึงวันชำระราคาเสร็จ
จำเลยทั้งสามให้การว่าได้ปฏิบัติตามสัญญาแล้ว
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ และจำเลยที่ ๒ คืนเครื่องกำเนิดไฟฟ้าพร้อมทั้งแผงไฟตามฟ้องในสภาพที่รับไปจากโจทก์ให้โจทก์ หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคาและค่าเสียหายให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ ๓
จำเลยที่ ๑ และจำเลยที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑ และจำเลยที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ ๑ เป็นห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลโดยมีจำเลยที่ ๒ เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ พนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องนายทองย้อยสรงประภา และบริษัทที่ดินและอาคารสงเคราะห์ จำกัด ต่อศาลอาญาในข้อหาร่วมกันออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค ๆ จำเลยที่ ๑โดยจำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมและแต่งตั้งจำเลยที่ ๓เป็นทนายความ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้จำคุกนายทองย้อย และปรับบริษัทที่ดินและอาคารสงเคราะห์ จำกัด นายทองย้อยและบริษัทที่ดิน ฯ จำกัด ฎีกา ปรากฏตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๑๗๗๖/๒๕๑๐ของศาลอาญา ต่อมาศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา แต่ส่งหมายนัดให้นายทองย้อยไม่ได้ ต้องเลื่อนการอ่านหลายครั้ง ครั้งสุดท้ายนัดอ่านวันที่๕ มกราคม ๒๕๑๓ ในวันที่ ๓ มกราคม ๒๕๑๓ โจทก์และจำเลยที่ ๑ ได้ทำสัญญากัน โดยจำเลยที่ ๑ จะถอนคำร้องทุกข์ในคดีอาญาดังกล่าวในวันที่๕ มกราคม ๒๕๑๓ และโจทก์ตกลงมอบเครื่องกำเนิดไฟฟ้าพร้อมทั้งแผงไฟและเงิน ๕,๐๐๐ บาท ตามเช็คแก่จำเลยในวันทำสัญญา ปรากฏตามเอกสารหมาย จ.๑ ครั้นวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๑๓ จำเลยที่ ๓ ซึ่งเป็นทนายของจำเลยที่ ๑ได้นำคำร้องขอถอนคำร้องทุกข์ของจำเลยที่ ๑ ไปยื่นต่อศาลอาญาพนักงานอัยการคัดค้านคำร้อง ศาลอาญาเห็นว่าลายมือชื่อและตราที่ประทับในคำร้องไม่เหมือนกับในใบแต่งทนายความ สมควรจะได้สอบตัวผู้แทนโจทก์ร่วมก่อนจำเลยที่ ๓ รับจะนำจำเลยที่ ๒ มาให้ศาลสอบ ศาลอาญาสั่งให้นัดพร้อมในวันที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๑๓ ถึงวันนัด จำเลยที่ ๓ แถลงว่าจำเลยที่ ๒ เป็นลมโดยกะทันหัน ขอเลื่อนไปวันที่ ๒๒ เดือนเดียวกัน ครั้นถึงวันนัด จำเลยที่ ๓แถลงว่าจำเลยที่ ๒ ไปทำสัญญาเกี่ยวกับที่ดินที่อำเภอหาดใหญ่ ขอเลื่อนไปวันที่ ๓๐ เดือนเดียวกัน แต่เมื่อถึงวันนัด จำเลยที่ ๓ แถลงว่าจำเลยที่ ๒มีอาการความดันโลหิตสูง ถ้าเดินทางไปไหนเกรงจะเป็นลม ขอให้ศาลหมายเรียกจำเลยที่ ๒ ศาลอาญาอนุญาตให้เลื่อนการนัดพร้อมไปวันที่๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๓ และออกหมายเรียกจำเลยที่ ๒ แต่ส่งหมายให้จำเลยที่ ๒ไม่ได้ พอถึงวันนัด จำเลยที่ ๓ แถลงว่าจำเลยที่ ๒ ไปต่างจังหวัดยังไม่กลับขอเลื่อนไปอีกครั้งหนึ่ง ศาลอาญาเห็นว่า เป็นการประวิงคดี ให้ยกคำร้องขอถอนคำร้องทุกข์ และในวันเดียวกันนั้น ศาลอาญาได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้คู่ความฟัง ปรากฏว่าศาลฎีกาคงให้ลงโทษนายทองย้อยตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามหนังสือสัญญาเอกสารหมาย จ.๑ ที่โจทก์ตกลงมอบเครื่องกำเนิดไฟฟ้าพร้อมทั้งแผงไฟตามฟ้องและเงิน ๕,๐๐๐ บาทให้จำเลยที่ ๑ ก็เพื่อประสงค์ให้จำเลยที่ ๑ ในฐานะผู้เสียหายและโจทก์ร่วมในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๑๗๗๖/๒๕๑๐ ของศาลอาญา ยื่นคำร้องขอถอนคำร้องทุกข์ในคดีดังกล่าว เพื่อศาลฎีกาจะได้สั่งจำหน่ายคดีและปล่อยนายทองย้อย สรงประภาไป แต่เมื่อจำเลยที่ ๓ เอาคำร้องขอถอนคำร้องทุกข์ฉบับลงวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๑๓ ไปยื่น นอกจากพนักงานอัยการโจทก์จะคัดค้านแล้ว ยังปรากฏว่าลายมือชื่อและตราที่ประทับในคำร้องดังกล่าวแตกต่างกับลายมือชื่อของจำเลยที่ ๒ และตราที่ประทับในใบแต่งทนายความที่จำเลยยื่นไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๑๗๗๖/๒๕๑๐ ศาลอาญาจึงต้องเรียกจำเลยที่ ๒ ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการมาสอบถามว่าเป็นลายมือชื่อของจำเลยที่ ๒ และเป็นตราของจำเลยที่ ๑ หรือเป็นคำร้องขอถอนคำร้องทุกข์ของจำเลยที่ ๑ จริงหรือไม่ แต่จำเลยที่ ๒ ไม่ยอมมาศาล ทั้ง ๆ ที่ศาลอาญาอนุญาตให้เลื่อนไปตามที่จำเลยที่ ๓ แถลงหลายนัด โดยเฉพาะในวันนัดวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๑๓ จำเลยที่ ๒ ไม่มาศาล อ้างว่ามีอาการความดันโลหิตสูงถ้าจะเดินทางไปไหนเกรงจะเป็นลม แต่กลับปรากฏว่าหลังจากนั้นจำเลยที่ ๒ยังเดินทางไกลไปถึงอำเภอหาดใหญ่ได้ แสดงว่าจำเลยที่ ๒ พยายามหลีกเลี่ยงไม่ไปศาล เพื่อมิให้ศาลฎีกาสั่งจำหน่ายคดีและปล่อยนายทองย้อย สรงประภาตามที่ตกลงกันไว้ในเอกสารหมาย จ.๑ เมื่อจำเลยที่ ๒ ไม่ไปศาล ศาลอาญาก็ไม่อาจส่งคำร้องนั้นไปให้ศาลฎีกาสั่งได้เพราะไม่อาจทราบได้ว่าเป็นคำร้องขอถอนคำร้องทุกข์ของจำเลยที่ ๑ จริงหรือไม่ จำเลยที่ ๑ จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาเนื่องจากปฏิบัติไม่ครบถ้วนตามสัญญา จำเลยที่ ๑ จะต้องคืนเครื่องกำเนิดไฟฟ้าพร้อมทั้งแผงไฟตามฟ้องให้แก่โจทก์ และจำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจำเลยที่ ๑ ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ ๑ ด้วย
พิพากษายืน

Share