แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่กำนันใช้ให้บุคคลอื่นไปตามบุตรสาวจำเลยมาไกล่เกลี่ยแบ่งทรัพย์สินกันระหว่างสามีภริยา มิใช่เป็นการปฏิบัติตามหน้าที่ของกำนันตามพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ จำเลยกล่าววาจาดูหมิ่นกำนัน ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 136
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้กล่าววาจาดูหมิ่นนายพินิจ รุจิระพงษ์กำนันตำบลสูงเม่น ว่า “กำนันชาติหมา ไม่มีศีลธรรม” ทั้งนี้ เพราะนายพินิจ รุจิระพงษ์ ได้ให้บุคคลผู้มีชื่อไปตามนางบุญยงค์ เม่นคำบุตรจำเลยมาพูดจาตกลงไกล่เกลี่ยแบ่งทรัพย์สินกันระหว่างนายผ่อน มะลิกับนายบุญยงค์ เม่นคำ ซึ่งเป็นสามีภริยากันแต่ได้หย่าร้างกันแล้วอันเป็นการปฏิบัติการตามหน้าที่ของนายพินิจ รุจิระพงษ์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๓๖
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๓๖ ปรับจำเลย ๕๐๐ บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามที่โจทก์บรรยายฟ้องว่า นายพินิจ รุจิระพงษ์ได้ให้บุคคลผู้มีชื่อไปตามนางบุญยงค์ เม่นคำ บุตรจำเลยมาพูดตกลงไกล่เกลี่ยแบ่งทรัพย์สินกันระหว่างนายผ่อน มะลิ กับนางบุญยงค์ เม่นคำซึ่งเป็นสามีภริยากันแต่ได้หย่าร้างกันแล้วนั้น หาใช่เป็นการปฏิบัติการตามหน้าที่ของกำนันไม่ เพราะตามพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่พระพุทธศักราช ๒๔๕๗ หมวดที่ ๔ ตอนที่ ๓ ซึ่งบัญญัติถึงหน้าที่และอำนาจของกำนันไว้ ตั้งแต่มาตรา ๓๔ ถึงมาตรา ๔๔ ล้วนแต่เป็นเรื่องบรรดาการที่จะตรวจตรารักษาความปกติเรียบร้อยในตำบลทั้งสิ้น ข้อที่ราษฎรพิพาทกันในทางแพ่งเกี่ยวกับการแบ่งกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินกันนั้น หาได้เกี่ยวข้องกับการรักษาความปกติเรียบร้อยในตำบลอย่างใดไม่ ที่กำนันจัดการไปตามบุตรจำเลยมาไกล่เกลี่ยแบ่งทรัพย์สินกันระหว่างสามีภริยา เห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องที่กำนันช่วยเหลือว่ากล่าวให้ในฐานะเป็นผู้ใหญ่ในตำบลมากกว่ามิใช่เป็นการทำหน้าที่ในฐานะเป็นเจ้าพนักงานตามพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่เทียบเคียงตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ ๔๗๖/๒๔๗๙เมื่อการกระทำของกำนันตามฟ้อง มิใช่เป็นการกระทำของเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่แล้ว โจทก์ก็ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๓๖ ไม่ได้ ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยข้อเท็จจริงต่อไป ศาลฎีกาเห็นพ้องกับศาลอุทธรณ์ในผลของคำพิพากษาที่ให้ยกฟ้องโจทก์
พิพากษายืน