แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
บริษัทจำเลยที่ 3 ทำการก่อสร้างถนนโดยได้ทำสัญญารับจ้างกับกรมทางหลวงตามรายการต่อท้ายสัญญาจ้าง ปรากฏว่าถนนที่ซ่อมและทำใหม่ตามแบบกว้าง 12 เมตร เป็นผิวจราจร 7เมตรเป็นไหล่ถนนข้างละ 2 เมตรครึ่ง บริษัทจำเลยที่ 3 ต้องซ่อมแซมทั้งผิวจราจรและต้องเอาดินลูกรังถมไหล่ถนนให้สูงขึ้นด้วยและเป็นผู้รับผิดชอบต่อความเสียหายใด ๆ อันเกิดแก่อาคารที่อยู่ใกล้เคียงหรือบุคคลภายนอก เนื่องจากการกระทำใดๆ ในงานนี้ ต้องให้การจราจรผ่านไปมาได้โดยสะดวก และจะต้องทำและติดตั้งป้ายจราจรเครื่องหมาย ไม้กั้น และสิ่งประกอบอื่นๆ เพื่อความปลอดภัยแก่การจราจรตั้งแต่เริ่มงานก่อสร้างจนกระทั่งงานเสร็จ แต่บริษัทจำเลยที่ 3 ไม่ติดตั้งป้ายหรือเครื่องหมายเตือนผู้ขับขี่รถให้ทราบว่ามีการก่อสร้างซ่อมถนนอยู่ข้างหน้าไม่รดน้ำไหล่ถนนที่ถมด้วยดินลูกรังซึ่งตนซ่อมแซมอยู่ เป็นเหตุให้เกิดฝุ่นตลบอันเป็นเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้จำเลยที่ 1 ซึ่งขับรถของจำเลยที่ 2ผู้เป็นนายจ้างสวนทางกับรถโจทก์ในถนนตรงนั้น ขับแซงรถคันอื่นเข้าชนรถโจทก์ด้วยความประมาท ทำให้รถโจทก์เสียหาย บริษัทจำเลยที่ 3 ก็ต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้กระทำต่อโจทก์ด้วยจะอ้างว่าไม่จำเป็นต้องรดน้ำไหล่ถนนให้ชุ่มอยู่เสมอ เพราะการรดน้ำก็เพื่อจะทำให้ดินแน่นเท่านั้น ไม่ใช่ถึงขนาดไม่ให้มีฝุ่น ดังนี้ หาได้ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลและเป็นเจ้าของรถยนต์จี๊ปแลนด์โรเวอร์หมายเลขทะเบียน ก.ท.ด ๓๒๓๘๓ จำเลยที่ ๑ เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๒เป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกหมายเลขทะเบียน น.ฐ.๐๒๓๙๗ สำหรับรับจ้างบรรทุกหินจำเลยที่ ๓ เป็นนิติบุคคลโดยจดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัด เมื่อวันที่ ๑๙ ตุลาคม๒๕๑๐ เวลากลางวัน นายเอนก ศัยนันท์ ได้ขับรถยนต์ของโจทก์พร้อมกับพวกรวม ๑๑ คนกลับจากราชการจังหวัดพระนคร มาตามถนนมิตรภาพมุ่งหน้าไปจังหวัดขอนแก่น เมื่อมาถึงหลักกิโลเมตรที่ ๑๑๗ อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรีซึ่งจำเลยที่ ๓ เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างถนนตอนนั้นจากกรมทางหลวงแผ่นดินและกำลังก่อสร้างอยู่ จำเลยที่ ๓ ไม่ปิดเครื่องหมายแสดงให้เห็นว่าถนนตอนนั้นกำลังก่อสร้างทั้งไม่รดน้ำตามไหล่ถนนที่ถม ปล่อยให้ฝุ่นฟุ้งเวลารถยนต์แล่นผ่านเป็นเหตุให้รถยนต์ที่แล่นผ่านมองไม่เห็นทางข้างหน้า เป็นการประมาทเลินเล่อทั้งไม่ปฏิบัติตามสัญญาที่ได้ทำไว้กับกรมทางหลวงแผ่นดิน ขณะนั้นจำเลยที่ ๑ได้ขับรถยนต์บรรทุกคันดังกล่าวในทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๒ โดยประมาทได้ขับขี่รถยนต์แซงรถยนต์บรรทุกอีกคันหนึ่งขึ้นมาทั้ง ๆ ที่มีฝุ่นฟุ้งมองไม่เห็นทางและขับกินทางมาทางขวาของทาง เนื่องจากไม่มีเครื่องหมายแสดงว่าถนนกำลังก่อสร้างอยู่ และมีฝุ่นฟุ้งตลบมอบทางข้างหน้าไม่เห็นรถยนต์คันที่จำเลยที่ ๑ ขับจึงแล่นเข้าชนรถยนต์โจทก์ในเส้นทางของรถโจทก์เต็มแรงทำให้รถยนต์ของโจทก์เสียหายทั้งคัน ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าเสียหาย ๗๐,๒๕๐ บาท กับดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันทำละเมิดจนกว่าชำระเงินเสร็จ
จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ ๓ ให้การรับว่าได้รับเหมาก่อสร้างทางบริเวณที่โจทก์ฟ้องแต่ไม่ได้ประมาทเลินเล่อดังโจทก์กล่าวหา จำเลยที่ ๓ ได้ทำเครื่องหมายเพื่อให้ทราบว่าเป็นบริเวณก่อสร้างทาง และได้รดน้ำที่ไหล่ถนนตามหลักการสร้างทางแล้ว เหตุที่รถชนกันเกิดจากการขับรถโดยประมาทของผู้ขับรถของโจทก์และจำเลยที่ ๑ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นเห็นว่า จำเลยที่ ๓ ไม่ได้รดน้ำ และไม่มีป้ายบอกไว้ว่าทางกำลังก่อสร้าง จึงมีส่วนในการประมาท พิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ ๗๐,๒๕๐ บาท กับดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันละเมิดจนกว่าจะใช้เงินเสร็จ และให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความ ๓๐๐ บาทแทนโจทก์
จำเลยที่ ๓ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๓ ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามคำของนายจารึกพยานจำเลยประกอบกับรายการละเอียดควบคุมการก่อสร้าง หมาย ป.จ.๑ อันเป็นรายการต่อท้ายสัญญาจ้างทำการก่อสร้างหมาย ป.จ.๒ ซึ่งกรมทางหลวงผู้ว่าจ้างและบริษัทจำเลยที่ ๓ผู้รับจ้างได้ลงนามกำกับและแนบติดสัญญาไว้ ปรากฏว่าถนนที่ซ่อมและทำใหม่ตามแบบกว้าง ๑๒ เมตร เป็นผิวจราจร ๗ เมตรเป็นไหล่ถนน ๒ ข้าง ๆ ละ๒ เมตรครึ่ง บริษัทจำเลยที่ ๓ ผู้รับจ้างต้องซ่อมแซมทั้งผิวจราจร และต้องเอาดินลูกรังถมไหล่ถนนให้สูงขึ้นด้วย ผู้รับจ้างเป็นผู้รับผิดชอบต่อความเสียหายใด ๆอันเกิดแก่อาคารที่อยู่ใกล้เคียงหรือบุคคลภายนอก เนื่องจากการกระทำใด ๆในงานนี้ ผู้รับจ้างต้องให้การจราจรผ่านไปมาได้โดยสะดวกตั้งแต่เริ่มงานก่อสร้างจนกระทั่งงานแล้วเสร็จบริบูรณ์ และผู้รับจ้างจะต้องทำและติดตั้งป้ายจราจรเครื่องหมาย ไม้กั้น และสิ่งประกอบอื่น ๆ ตามแบบของกรมทางหลวงเพื่อความปลอดภัยแก่การจราจรตั้งแต่เริ่มงานก่อสร้างจนกระทั่งงานแล้วเสร็จบริบูรณ์ ข้อสำคัญหรือรายละเอียดในการก่อสร้างนี้ นายสถิตย์พรหมสุทธิ กรรมการผู้จัดการของบริษัทจำเลยที่ ๓ เบิกความเป็นพยานจำเลยว่าบริษัทต้องถือโดยเคร่งครัดดังนี้ การที่จำเลยที่ ๓ ไม่ติดตั้งป้ายจราจรดังข้อเท็จจริงที่ได้วินิจฉัย และไม่รดน้ำไหล่ถนนที่ถมด้วยดินลูกรังซึ่งตนทำการซ่อมแซมอยู่จนเป็นเหตุให้เกิดฝุ่นตลบ จึงเป็นการที่จำเลยที่ ๓ ได้กระทำผิดต่อหน้าที่ที่ตนจะต้องกระทำให้ถูกต้อง เมื่อการกระทำผิดต่อหน้าที่ดังกล่าวของจำเลยที่ ๓เป็นเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้รถของจำเลยที่ ๒ ชนกับรถโจทก์ จำเลยที่ ๓ ก็ต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดที่จำเลยที่ ๑ และจำเลยที่ ๒ ได้กระทำต่อโจทก์ด้วยคำพิพากษาศาลล่างทั้งสองชอบด้วยรูปคดีแล้ว ฎีกาของจำเลยที่ ๓ ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ยกฎีกาจำเลยที่ ๓ ให้จำเลยที่ ๓ ใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา ๒๕๐ บาท แทนโจทก์