คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 575/2515

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์รู้เห็นเป็นใจให้ ด. นำโฉนดของโจทก์ไปหลอกขายฝากจำเลย โดยอ้างว่าเป็นโฉนดของ ด. เอง ดังนี้ โจทก์ จะอ้างเอาความไม่สุจริตของโจทก์มาฟ้องขอให้ศาลเพิกถอนการขายฝากซึ่งจำเลยรับซื้อฝากไว้โดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์มีกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดที่ ๑๒๗๗๓ ตำบลโพธิ์กลางอำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา พร้อมทั้งเรือนหนึ่งหลังราคา ๑๐,๐๐๐ บาทปรากฏว่าโฉนดที่ดินรายนี้หายไปมีผู้เอาโฉนดที่ดินแปลงนี้ไปขายฝากจำเลยไว้เมื่อวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๐๙ โดยจำเลยร่วมกับบุคคลที่เอาโฉนดไปแจ้งเท็จต่อพนักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมาว่าเป็นเจ้าของ และปลอมลายมือชื่อโจทก์ว่าเป็น “ดวงฤทัย ปาริกวงศ์ชาติ หรือ นางสาวดวงฤทัยปาริกวงศ์ชาติ” เป็นผู้ขายฝากให้จำเลย ขอให้ศาลพิพากษาว่า รายการสารบาญจดทะเบียนขายฝากที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในที่ดินโฉนดที่ ๑๒๗๗๓ลงวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๐๙ เป็นโมฆะ ให้จำเลยไปจดรายการถอนการรับซื้อฝากที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในโฉนดที่ ๑๒๗๗๓ ต่อพนักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมา แล้วคืนโฉนดที่ ๑๒๗๗๓ ให้โจทก์ ถ้าไม่ปฏิบัติตามก็ขอให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลยให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความแทนโจทก์ด้วย
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยรับซื้อฝากที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๒๗๗๓พร้อมกับเรือนหนึ่งหลังในราคา ๑๗,๖๘๐ บาท ได้ทำสัญญาขายฝาก ณ หอทะเบียนที่ดินจังหวัดนครราชสีมาเมื่อวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๐๙จำเลยรับซื้อไว้โดยสุจริต โจทก์สมคบกับนางแดงหรือสุนิสาน้องสาวของโจทก์จะฉ้อโกงจำเลย โดยโจทก์ให้นางแดงหรือสุนิสาแสดงตนเป็นเจ้าของที่ดินและเรือน แล้วนำมาขายฝากจำเลย อันเป็นการเชิดนางสุนิสาหรือแดงให้ขายฝากแทน ต่อมาวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๐๙โจทก์กับนางแดงหรือสุนิสายังกู้เงินจากจำเลยอีก ๔,๐๐๐ บาท การขายฝากดังกล่าวโจทก์รู้เห็นและยินยอม เป็นการละเมิด โจทก์จึงต้องรับผิดคืนเงิน ๑๗,๖๘๐ บาทให้จำเลย จำเลยจึงจะคืนและโอนที่ดินและเรือนให้โจทก์ จึงขอบังคับให้โจทก์ชำระเงิน ๑๗,๖๘๐ บาท ให้จำเลยหากไม่ชำระก็ให้บังคับเอาจากทรัพย์ที่ขายฝาก หรือให้ทรัพย์ที่ขายฝากหลุดเป็นกรรมสิทธิ์แก่จำเลย ให้โจทก์เสียค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความให้จำเลยด้วย
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า โจทก์มิได้รู้เห็นยินยอมในการขายฝากที่พิพาท การจดทะเบียนการขายฝาก จำเลยทำโดยไม่สุจริต มิได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควร
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องและฟ้องแย้งของจำเลย ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความอีก ๓๐๐ บาทแทนจำเลย
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ เป็นว่า ให้เพิกถอนรายการสารบาญขายฝากที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในโฉนดเลขที่ ๑๒๗๗๓ ให้จำเลยถอนการรับซื้อฝากและคืนโฉนดเลขที่ ๑๒๗๗๓ ให้โจทก์ หากไม่ปฏิบัติตาม ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมสองศาลและค่าทนายความสองศาล ๔๕๐ บาทแทนโจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเห็นได้อย่างชัดแจ้งว่าโจทก์ไม่สุจริตมาตั้งแต่เริ่มแรก โดยมีแผนการที่จะฉ้อโกงจำเลย ฟ้องของโจทก์ในคดีนี้ยังบรรยายข้อความบิดเบือนความจริงไปอีกว่า โฉนดที่ดินรายนี้หายโดยไม่ทราบว่าผู้ใดเอาไป โจทก์ต้องไปสอบถามทางหอทะเบียนที่ดินจังหวัดนครราชสีมา จึงทราบว่ามีผู้เอาไปขายฝากให้จำเลย ทั้ง ๆ ที่โจทก์ได้รู้เห็นเป็นใจให้นางแดงหรือสุนิสานำโฉนดรายนี้ไปหลอกขายฝากให้จำเลยฉะนั้น โจทก์จะอ้างเอาความไม่สุจริตของโจทก์มาฟ้อง ขอให้ศาลเพิกถอนการขายฝากซึ่งจำเลยได้รับซื้อฝากไว้โดยสุจริต และเสียค่าตอบแทนหาได้ไม่ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาแทนจำเลย โดยกำหนดเป็นค่าทนายความให้ ๔๕๐ บาท

Share