คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 257/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยมีความผิดฐานแปรรูปไม้และมีไม้แปรรูปไว้ในความครอบครองและข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยได้ใช้กระบือและเกวียนชักลากไม้จากป่านำไปเก็บไว้ที่บ้าน ดังนี้ถือว่าจำเลยได้ใช้กระบือและเกวียน เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิดจึงเป็นของต้องริบ
(เทียบฎีกาที่ 784/2506)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำผิดฐานแปรรูปไม้และมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครอง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ มาตรา ๔๘, ๗๓, ๗๔, ๗๔ ทวิ พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๔๙๔ มาตรา ๑๗ พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๐๓ มาตรา ๑๗,๑๘ พระราชกฤษณฎีกากำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ. ๒๕๐๕ และขอให้ริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ มาตรา ๔๘, ๗๓, ๗๔, ๗๔ ทวิ พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๔๙๔ มาตรา ๑๗ พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๐๓ มาตรา ๑๗, ๑๘ พระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ. ๒๕๐๕ จำคุก ๓๐ วัน ปรับ ๘๐๐ บาท จำเลยรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก ๑๕ วัน ปรับ ๔๐๐ บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด ๑ ปี ค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙, ๓๐ ริบไม้ของกลาง นอกนั้นให้ยกเสีย เพราะไม่เกี่ยวกับการกระทำผิดข้อหานี้
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ริบกระบือและเกวียน
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้ริบกระบือและเกวียนของกลางด้วย
จำเลยฎีกาว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำการแปรรูปไม้และมีไม้แปรรูปหวงห้ามไว้ในครอบครอง โดยมิได้รับอนุญาต ไม่ได้ฟ้องว่าจำเลยชักลากไม้ จึงถือไม่ได้ว่ากระบือและเกวียนเป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำผิด
ศาลฎีกาเห็นว่า แม้จำเลยในคดีจะมีความผิดฐานแปรรูปไม้และมีไม้หวงห้ามแปรรูปไว้ในความครอบครอง โดยมิได้รับอนุญาตก็ดี แต่ข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยได้ใช้กระบือและเกวียนชักลากไม้จากป่านำไปเก็บไว้ที่บ้าน เรียกได้ว่าจำเลยได้ใช้กระบือและเกวียนเป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิดแล้ว จึงเป็นสิ่งที่ต้องริบ ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ ๗๘๔/๒๕๐๖ ระหว่างอัยการจังหวัดเชียงราย โจทก์ นายดวง ดวงใส จำเลย
พิพากษายืน

Share