คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1604/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลนั้นเป็นความผิดต่อศาล ศาลย่อมดำเนินกระบวนพิจารณาไต่สวนได้เองตามที่เห็นสมควร ไม่ว่าพยานหลักฐานเหล่านั้นฝ่ายใดจะได้อ้างหรือไม่ สำหรับกรณีที่การละเมิดอำนาจศาลได้กระทำต่อหน้าศาล ย่อมถือได้ว่าศาลได้ทราบข้อเท็จจริงนั้นจากพยานหลักฐานที่ปรากฏแก่ศาลเองแล้ว ศาลพิพากษาลงโทษในความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลไปได้ทีเดียว แต่ในกรณีที่การกระทำผิดฐานละเมิดอำนาจศาลไม่ได้กระทำต่อหน้าศาล ศาลจำต้องดำเนินกระบวนพิจารณาไต่สวนหาข้อเท็จจริงก่อนเพียงแต่สอบถามปากคำพยานโดยไม่ปรากฏว่าพยานเหล่านั้นได้สาบานตน หรือกล่าวคำปฏิญานว่าจะให้การตามสัตย์จริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 112 ถ้อยคำพยานเหล่านั้นจึงฟังเป็นความจริงยังไม่ได้ (อ้างฎีกาที่ 824/2492)

ย่อยาว

คดีนี้หลังจากได้เลื่อนการพิจารณาไปโจทก์ได้ยื่นคำแถลงต่อศาลว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจของศาลคุมตัวจำเลยกับพวกลงจากศาลเพื่อกลับเข้าห้องคุมขัง จำเลยที่ ๑ ได้ชกต่อยพยานโจทก์ และใช้วาจาขู่เข็ญพยานโจทก์ว่า “ระวังให้ดี ถ้ากูออกได้จะฆ่าให้ตาย”เป็นเหตุให้พยานโจทก์เกิดความกลัวไม่กล้ามาเบิกความ เป็นการละเมิดอำนาจศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๓๐, ๓๑ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๓๓
ศาลชั้นต้นสอบถามจำเลย พยานโจทก์และผู้เสียหายแล้วสั่งให้จำคุกจำเลยที่ ๑ มีกำหนด ๖ เดือน ปรับ ๕๐๐ บาทตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๓๐, ๓๑ และ ๓๓
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า การกระทำของจำเลยที่ ๑ มิได้เกิดต่อหน้าศาล และจำเลยก็ปฏิเสธ ชอบที่ศาลชั้นต้นจะดำเนินการไต่สวนพยานหลักฐานของทั้งสองฝ่ายให้สิ้นกระแสความก่อน จึงพิพากษาให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนฟังพยานหลักฐานของทั้งสองฝ่าย แล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ในความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลนั้นเป็นความผิดต่อศาล ศาลย่อมดำเนินกระบวนพิจารณาไต่สวนได้เองตามที่เห็นสมควรไม่ว่าพยานหลักฐานเหล่านั้นฝ่ายใดจะได้อ้างหรือไม่ สำหรับกรณีที่การละเมิดอำนาจศาลได้กระทำต่อหน้าศาลย่อมถือได้ว่าศาลได้ทราบข้อเท็จจริงนั้นจากพยานหลักฐานที่ปรากฏแก่ศาลเองแล้ว ศาลพิพากษาลงโทษในความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลไปได้ทีเดียว แต่ในกรณีที่การกระทำผิดฐานละเมิดอำนาจศาลไม่ได้กระทำต่อหน้าศาล ศาลจำต้องดำเนินกระบวนพิจารณาไต่สวนหาข้อเท็จจริงก่อน เพียงแต่สอบถามปากคำพยานโดยไม่ปรากฏว่าพยานเหล่านั้นได้สาบานตน หรือกล่าวคำปฏิญาณว่าจะให้การตามสัตย์จริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๑๑๒ ถ้อยคำพยานเหล่านั้นจึงฟังเป็นความจริงยังไม่ได้ดังนัยฎีกาที่ ๘๒๔/๒๔๙๒
พิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์

Share