คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 443/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ขอให้ศาลพิพากษาถอนชื่อจำเลยทั้งสี่ออกจากโฉนด จำเลยที่ 4 ขาดนัดยื่นคำให้การ โจทก์มิได้ขอให้ศาลสั่งให้จำเลยนี้ขาดนัด และศาลชั้นต้นก็มิได้มีคำสั่งจำหน่ายคดีสำหรับจำเลยผู้นี้ แต่ศาลชั้นต้นได้พิพากษาให้ถอนชื่อจำเลยทั้งสี่ออกจากโฉนด จำเลยที่ 1, 2, 3 อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องสำหรับจำเลยทุกคนได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 245 เพราะคำพิพากษาคดีนี้เกี่ยวด้วยการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ที่นาโฉนดที่ ๕๕๘๑ เป็นของโจทก์ทั้งสามกับมารดาของจำเลย ซึ่งต่างแยกครอบครองเป็นสัดส่วน โจทก์ทั้งสามได้ให้มารดาจำเลยเช่าที่ดินเหล่านี้ เมื่อมารดาจำเลยตายแล้ว ได้ให้จำเลยเช่าต่อไป ต่อมาจำเลยทั้งสี่ลอบโอนที่นี้ใส่ชื่อจำเลยทั้งสี่เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในโฉนด ขอให้ศาลเพิกถอนการจดทะเบียนโอนในโฉนดดังกล่าว
จำเลยที่ ๑, ๒, ๓ ให้การว่า ที่พิพาทเป็นของมารดาจำเลยแต่ผู้เดียว จำเลยครอบครองโดยสงบ เปิดเผย และเจตนาเป็นเจ้าของเกิน ๑๐ ปีแล้ว คดีขาดอายุความ
จำเลยที่ ๔ ขาดนัดยื่นคำให้การ แต่โจทก์ไม่ได้ขอให้ศาลสั่งให้จำเลยขาดนัด ทั้งศาลชั้นต้นก็มิได้สั่งจำหน่ายคดีสำหรับจำเลยที่ ๔
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้เพิกถอนชื่อจำเลยทั้งสี่ออกจากโฉนด
จำเลยที่ ๑, ๒, ๓ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องของโจทก์สำหรับจำเลยทุกคน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงอย่างเดียวกับศาลอุทธรณ์ แล้ววินิจฉัยว่า คำพิพากษาคดีนี้เกี่ยวด้วยการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ ดังนั้น แม้จำเลยที่ ๔ จะไม่ได้ยื่นคำให้การ และศาลชั้นต้นจะมิได้สั่งจำหน่ายคดีสำหรับจำหน่ายคนนี้ก็ตาม ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจพิพากษากลับ คำพิพากษาของศาลชั้นต้นให้มีผลถึงจำเลยที่ ๔ ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๔๕
พิพากษายืน

Share