คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2281/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ยื่นคำขอต่ออายุเครื่องหมายการค้าและคำขอจดทะเบียนการเปลี่ยนแปลงข้อความที่ได้จดทะเบียนแล้ว พร้อมทั้งชำระค่าธรรมเนียมการที่นายทะเบียนไม่ต่ออายุและจดทะเบียนการเปลี่ยนแปลงข้อความให้ตามคำขอดังกล่าวเพราะได้เพิกถอนเครื่องหมายการค้าของโจทก์ไปแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิขอเงินค่าธรรมเนียมที่ชำระไปคืนจากจำเลย เพราะตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 6 (พ.ศ. 2521) ออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2474 ข้อ (9) และ (12) ค่าธรรมเนียมดังกล่าวเป็นค่าธรรมเนียมในการที่ยื่นคำขอ ทั้งไม่มีกฎหมายกำหนดให้ต้องคืนแก่โจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้ยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าต่อจำเลย ต่อมาจึงยื่นคำขอต่ออายุทะเบียนและคำขอเปลี่ยนแปลงรายการที่จดทะเบียนไว้พร้อมทั้งชำระค่าธรรมเนียมแก่จำเลย ๑๗,๔๐๐ บาท แต่นายทะเบียนไม่รับคำขอโจทก์ขอค่าธรรมเนียมที่ชำระไปแล้วทั้งหมดคืน จำเลยไม่คืนให้ ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน ๑๗,๔๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า ค่าธรรมเนียมที่โจทก์ชำระเป็นค่าคำขอมิใช่เป็นค่าจดทะเบียน เมื่อโจทก์ยื่นคำขอก็ต้องชำระ และกฎหมายมิได้ระบุให้จำเลยต้องคืนค่าธรรมเนียมนี้ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า โจทก์เป็นบริษัทจำกัดได้เคยยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าต่อกองสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้ากรมทะเบียนการค้าจำเลยไว้ ๑๑คำขอ และนายทะเบียนได้รับจดทะเบียนไว้แล้ว ต่อมาเมื่อวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๒๖ โจทก์ได้ยื่นคำขอต่ออายุทะเบียนและคำขอเปลี่ยนแปลงรายการที่จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าดังกล่าว พร้อมทั้งได้ชำระค่าธรรมเนียมแก่จำเลยรวม ๑๗,๔๐๐ บาท แต่ปรากฏว่า นายทะเบียนไม่ต่ออายุทะเบียนให้ตามคำขอของโจทก์ เพราะเหตุที่นายทะเบียนได้เพิกถอนเครื่องหมายการค้าของโจทก์ทั้ง ๑๑ คำขอไปตั้งแต่เมื่อวันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๒๖ แล้ว โจทก์จึงขอเงินค่าธรรมเนียมคืนจากจำเลย จำเลยไม่ยอมคืนให้ มีปัญหาว่าจำเลยจะต้องคืนเงินค่าธรรมเนียมดังกล่าวให้แก่โจทก์หรือไม่ พิเคราะห์แล้ว พระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๔๗๔ มาตรา ๔๖ บัญญัติว่า ให้เสนาบดีกระทรวงพาณิชย์และคมนาคมมีหน้าที่รักษาการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้ ให้มีอำนาจออกกฎเสนาบดีกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมฯลฯ และกฎกระทรวง ฉบับที่ ๖ (พ.ศ. ๒๕๒๑) ออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๔๗๔ ระบุว่าให้ใช้อัตราค่าธรรมเนียมตามที่กำหนดไว้และกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมเป็นเรื่องๆ ไป ใน (๙) คำขอจดทะเบียนการเปลี่ยนแปลงข้อความที่ได้จดทะเบียนแล้ว ๒๐๐ บาท และ (๑๒) คำขอต่ออายุเครื่องหมายการค้าสำหรับสินค้าจำพวกเดียวกัน (ก) สินค้าอย่างเดียว ๕๐๐ บาท (ข) สินค้าตั้งแต่สองอย่างแต่ไม่เกินห้าอย่าง ๑,๐๐๐ บาท (ค) สินค้าตั้งแต่หกอย่างหรือทั้งจำพวก ๓,๐๐๐ บาท ฉะนั้น คำขอของโจทก์จึงต้องเสียค่าธรรมเนียมตามกฎกระทรวงฉบับดังกล่าว ข้อ (๙) และ (๑๒) ซึ่งทั้งสองข้อเป็นการกำหนดค่าธรรมเนียมสำหรับ ‘คำขอ’ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือค่าธรรมเนียมในการที่ยื่นคำขอนั่นเอง ดังนั้น ผู้ขอจะต้องชำระค่าธรรมเนียมเมื่อยื่นคำขอ เมื่อโจทก์จะต้องชำระ จำเลยก็ย่อมมีอำนาจหน้าที่ในการที่จะรับเงินนั้นไว้ เงินที่จำเลยรับไว้แล้วจึงเป็นเงินของจำเลยที่ได้รับมาตามอำนาจหน้าที่ เมื่อไม่มีกฎหมายกำหนดให้ต้องคืนแก่โจทก์ โจทก์ก็ไม่มีสิทธิเรียกคืนได้ การที่จำเลยไม่รับต่ออายุเครื่องหมายการค้าให้โจทก์และจดทะเบียนการเปลี่ยนแปลงข้อความที่ได้จดทะเบียนแล้วให้แก่โจทก์ ไม่ทำให้จำเลยต้องมีหน้าที่คืนค่าธรรมเนียมที่รับไว้โดยชอบแล้วแก่โจทก์
พิพากษายืน.

Share