คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1768/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ทำสัญญาใบจองระวางเรือกับจำเลยเพื่อขนข้าวสารของโจทก์ไปต่างประเทศ โจทก์ขนข้าวสารบางส่วนขึ้นเรือแล้วต่อมาจำเลยสั่งระงับและสั่งให้ขนลงจากเรือทั้งหมด ในสัญญาใบจองระวางเรือมีข้อความว่าใบตราส่งซึ่งเป็นแบบพิมพ์ที่ใช้อยู่ตามปกติของผู้ขนส่งจะถูกนำมาใช้ ข้อกำหนดเงื่อนไขและข้อยกเว้นทั้งปวงของใบตราส่งจะถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของสัญญานี้ ซึ่งถือว่าเป็นผลประโยชน์เฉพาะในระหว่างช่วงเวลานี้จนกว่าจะออกใบตราส่ง แสดงว่าสัญญาใบจองระวางเรือผูกพันโจทก์จำเลยจนกว่าจะมีการออกใบตราส่งดังนั้น เมื่อยังไม่มีการออกใบตราส่งให้โจทก์ผู้ส่งจึงอยู่ในระยะเวลาที่สัญญาใบจองระวางเรือใช้บังคับ จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญาดังกล่าว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ว่าจ้างจำเลยขนข้าวจากท่าเรือกรุงเทพไปยังท่าเรือเมืองฟรีทาวน์ ประเทศเซียร์ราลีโอน โจทก์ขนถ่ายข้าวสารจากโกดังลงเรือแล้ว ต่อมาจำเลยแจ้งระงับการขนถ่ายและให้โจทก์ขนข้าวสารขึ้นจากเรือทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายรวมเป็นเงิน ๔,๖๘๙,๓๖๗.๔๗ บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า จำเลยมีฐานะเป็นตัวแทนของผู้เช่าเรือหรือเจ้าของเรือเท่านั้น จำเลยไม่ต้องรับผิดด้วย
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า สัญญาระหว่างโจทก์จำเลยเป็นสัญญาจองระวางเรือยังไม่ถึงขั้นมีการทำสัญญารับขน จำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาทำให้โจทก์เสียค่าใช้จ่ายในการขนสินค้าถึงเรือ ค่าขนสินค้าลงเรือ และค่าจ้างกรรมกรแบกหามสินค้ากลับคืนโกดัง รวมเป็นเงิน ๗๑๘,๗๕๗.๔๘ บาท พิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่าเมื่อวันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๒๒ โจทก์ทำสัญญาขายข้าวสารจำนวน ๕,๐๐๐ เมตริกตันให้แก่ผู้ซื้อในประเทศอังกฤษโดยจะต้องส่งข้าวสารดังกล่าวจากท่าเรือกรุงเทพไปยังเมืองฟรีทาวน์ประเทสเซียร์ราลีโอน ทวีปแอฟริกา เดือนมิถุนายน ๒๕๒๒ โจทก์ทำสัญญาใบจองระวางเรือกับจำเลย เอกสารหมาย จ.๒ เพื่อขนข้าวสารของโจทก์ ระบุชื่อเรือที่จะบรรทุกข้าวสารของโจทก์ว่าเรือ “นครธน” หรือเรืออื่นที่จำเลยจัดหามาแทน กำหนดขนถ่ายข้าวสารระหว่างวันที่ ๑ ถึงวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๒๒ ต่อมาวันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๒๒ จำเลยแจ้งโจทก์ว่าให้โจทก์ขนข้าวสารบรรทุกเรือ “แปซิฟิค กลอรี่” ซึ่งเข้าเทียบท่าเรือกรุงเทพแล้ว โจทก์ขนข้าวสารขึ้นบรรทุกเรือลำดังกล่าวตั้งแต่วันที่ ๒๕ ถึงวันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๒๒ ได้บางส่วนก็ต้องหยุดขนเพราะบริษัทผู้เช่าเรือพิพาทกับเจ้าของเรือ และต้องขนถ่ายข้าวสารจากเรือทั้งหมด
ปัญหาข้อแรกมีว่า จำเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์หรือไม่จำเลยฎีกาว่าสัญญาเอกสารหมาย จ.๒ เป็นเพียงสัญญาใบจองระวางเรือซึ่งมีข้อความว่าจำเลยจะจัดการจองระวางเรือ “นครธน” หรือเรืออื่นที่จำเลยจัดมาแทนเพื่อบรรทุกข้าวสารของโจทก์ เมื่อจำเลยจัดการให้โจทก์ขนข้าวสารบรรทุกเรือ “แปซิฟิค กลอรี่” แล้ว ถือได้ว่าสัญญาขนส่งเริ่มขึ้นการผูกพันตามสัญญาใบจองระวางเรือตามเอกสารหมาย จ.๒ ย่อมสิ้นสุดลงจำเลยจึงไม่ต้องรับผิดตามสัญญาเอกสารหมาย จ.๒ อีกต่อไป เห็นว่าสัญญาใบจองระวางเรือ เอกสารหมาย จ.๒ ข้อ ๖ มีข้อความว่าใบตราส่งซึ่งเป็นแบบพิมพ์ที่ใช้อยู่ตามปกติของผู้ขนส่งจะถูกนำมาใช้ ข้อกำหนดเงื่อนไขและข้อยกเว้นทั้งปวงของใบตราส่งจะถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของสัญญานี้ ซึ่งถือว่าเป็นผลประโยชน์เฉพาะในระหว่างช่วงเวลานี้จนกว่าจะออกใบตราส่ง ใบตราส่งจะรับได้จากสำนักงานของผู้ขนส่ง แสดงว่าสัญญาใบจองระวางเรือเอกสารหมาย จ. ๒ ผูกพันโจทก์จำเลยจนกว่าจะมีการออกใบตราส่งข้าวสารของโจทก์ ซึ่งใบตราส่งนั้นผู้ขนส่งจะเป็นผู้ออกให้แก่โจทก์ผู้ส่ง เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าการขนข้าวสารของโจทก์บรรทุกเรือ “แปซิฟิค กลอรี่” ถูกระงับ การบรรทุกยังไม่แล้วเสร็จ และยังไม่มีการออกใบตราส่งให้โจทก์ผู้ส่งจึงอยู่ในระยะเวลาที่สัญญาใบจองระวางเรือ เอกสารหมาย จ.๒ ใช้บังคับโจทก์จำเลยอยู่หาสิ้นสุดลงดังฎีกาของจำเลยไม่ ดังนั้นจำเลยจึงยังต้องรับผิดตามสัญญาใบจองระวางเรือเอกสารหมาย จ.๒
พิพากษายืน

Share