แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยได้สำแดงราคาสินค้าไว้ในใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้าเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาดในเวลาและสถานที่ซึ่งนำของเข้าเพื่อเสียภาษีถูกต้องแล้ว กรมศุลกากรกับกรมสรรพากรโจทก์นำสืบไม่ได้ว่าราคาสินค้าที่จำเลยสำแดงเพื่อเสียภาษีต่ำกว่าราคาที่โจทก์ถือเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาดเพื่อเป็นการประเมินเรียกเก็บภาษี ดังนั้นการประเมินราคาสินค้าให้สูงขึ้นกว่าที่จำเลยสำแดงเพื่อเรียกเก็บภาษีเพิ่มของโจทก์จึงไม่ชอบ
จำเลยฟ้องแย้งขอให้โจทก์คืนเงินประกันแก่จำเลยพร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันชำระเงิน ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์คืนเงินประกันแก่จำเลยพร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันที่ศาลพิพากษา จำเลยไม่อุทธรณ์ ดังนี้ปัญหาว่าโจทก์ต้องชำระดอกเบี้ยให้แก่จำเลยตั้งแต่เมื่อใด ย่อมไม่เป็นประเด็นในชั้นอุทธรณ์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้สั่งและนำสินค้ากระดาษอัดรูปสี ซึ่งมีแหล่งกำเนิดในประเทศเกาหลีใต้ และญี่ปุ่น จากเมืองฮ่องกงเข้ามาในราชอาณาจักรโดยสำแดงราคาสินค้า เสียภาษีอากรและนำหนังสือค้ำประกันของธนาคารนครหลวงไทยไปให้โจทก์ยึดถือไว้เพื่อเป็นประกันค่าภาษีอากร และรับสินค้าไปแล้วทุกรายการต่อมาพนักงานเจ้าหน้าที่ของโจทก์ที่ ๑ ได้ทำการตรวจสอบสินค้าและราคาสินค้าตามที่จำเลยสำแดงไว้ในใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้าพบว่า จำเลยสำแดงราคาสินค้าไว้ต่ำกว่าราคาอันแท้จริงในท้องตลาดที่โจทก์ที่ ๑ ได้ใช้เทียบเคียงเพื่อเป็นเกณฑ์ในการประเมินเรียกเก็บภาษีอากรแก่ผู้นำเข้า ทำให้การประเมินเรียกเก็บค่าอากรขาเข้าภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลขาดไป พนักงานเจ้าหน้าที่ของโจทก์ที่ ๑ จึงได้ทำการประเมินราคาสินค้าและเรียกเก็บค่าภาษีอากรของสินค้าดังกล่าวให้ถูกต้อง ตามราคาอันแท้จริงในท้องตลาด ปรากฏว่าจำเลยจะต้องเสียค่าอากรขาเข้าภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลเพิ่มขึ้นอีก เมื่อนำเงินประกันค่าภาษีอากรที่ธนาคารนครหลวงไทยค้ำประกันไว้มาหักออกแล้ว จำนวนเงินค่าภาษีอากรยังขาดอยู่ เจ้าพนักงานประเมินของโจทก์ที่ ๑ ได้แจ้งผลการประเมินให้จำเลยนำเงินค่าภาษีอากรที่ต้องชำระเพิ่มดังกล่าวไปชำระให้โจทก์ที่ ๑ จำเลยได้รับทราบแล้วจำเลยจะต้องนำเงินภาษีอากรไปชำระเพิ่มให้ครบถ้วนภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับทราบแบบแจ้งการประเมิน แต่จำเลยก็มิได้นำเงินภาษีอากรดังกล่าวไปชำระให้โจทก์ที่ ๑ และมิได้อุทธรณ์การประเมินตามกฎหมายจำเลยจึงต้องรับผิดเสียเงินเพิ่มภาษีอากรตามกฎหมาย ขอให้จำเลยชำระเงินค่าอากรขาเข้า ภาษีการค้า ภาษีบำรุงเทศบาล และเงินเพิ่มตามกฎหมาย นับถึงวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยได้สำแดงราคาสินค้าที่ได้ทำการซื้อขายมาจากผู้ขายในต่างประเทศอันเป็นราคาอันแท้จริง ตามที่ปรากฏในบัญชีราคาสินค้า (อินวอยซ์) ซึ่งผู้ขายในต่างประเทศได้จัดส่งมาให้ธนาคารเรียกเก็บเงินค่าสินค้าที่ทำการซื้อขาย เป็นการถูกต้องตามระเบียบปฏิบัติของโจทก์แล้ว โจทก์จึงไม่มีอำนาจที่จะทำการประเมินราคาสินค้าของจำเลยให้สูงขึ้นตามความพอใจของโจทก์ การเรียกเก็บอากรเพิ่มขึ้นก็ดี หรือการเรียกเก็บเงินเพิ่มตามฟ้องของโจทก์ไม่ชอบด้วยกฎหมายการประเมินราคาสินค้าของโจทก์ได้ประเมินราคาสินค้าสูงขึ้นผิดไปจากความเป็นจริงจำเลยได้ยื่นคำอุทธรณ์การประเมินราคาสินค้าของโจทก์แล้ว แต่โจทก์ไม่ยินยอมรับฟังโจทก์กลับใช้อำนาจบีบบังคับให้ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันการชำระค่าภาษีอากรของจำเลย ทำการชำระเงินตามหนังสือค้ำประกันแก่โจทก์ ขอให้ศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์และขอให้บังคับให้โจทก์ทั้งสองคืนเงินตามหนังสือค้ำประกันของธนาคารนครหลวงไทย จำกัด พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับตั้งแต่วันที่โจทก์ได้รับเงินจากธนาคารนครหลวงไทย จำกัด จนกว่าโจทก์ทั้งสองจะชำระเงินให้แก่จำเลยจนเสร็จสิ้น
โจทก์ทั้งสองให้การแก้ฟ้องแย้งว่า ราคาสินค้าที่จำเลยสำแดงไว้ในใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้า ไม่ใช่ราคาสินค้าอันแท้จริงในท้องตลาดตามความหมายของกฎหมายว่าด้วยศุลกากร เพราะเป็นราคาที่ผู้ขายในต่างประเทศกำหนดขึ้นเอง การประเมินราคาสินค้าเพื่อเรียกเก็บค่าภาษีอากรของโจทก์ที่ ๑ ชอบด้วยกฎหมายแล้ว
ศาลภาษีอากรกลางพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์คืนเงินประกันจำนวน ๘๑๕,๐๐๐ บาท แก่จำเลย ส่วนดอกเบี้ยให้โจทก์ชำระแก่จำเลยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี จากต้นเงิน ๘๑๕,๐๐๐ บาท นับแต่วันที่ศาลภาษีอากรกลางมีคำพิพากษาเป็นต้นไป
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ในปัญหาตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า ราคาสินค้ากระดาษอัดรูปสียี่ห้อชินซังและมิตซูบิชิ ตามที่จำเลยยื่นใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้าเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาดตามความหมายของพระราชบัญญัติศุลกากรหรือไม่ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า ในปัญหาดังกล่าวได้ความจากนายสุนสวัสดิ์ธรรมนิตยางกูร เจ้าหน้าที่ประเมินอากร ๔ กองพิธีการและประเมินอากร กรมศุลกากรพยานโจทก์ว่าการประเมินราคาสินค้าพิพาท กระทำโดยเทียบเคียงราคาสินค้าประเภทเดียวกัน แต่คนละยี่ห้อ และโดยอาศัยราคาสินค้าที่ทางกรมศุลกากรสืบมาโดยติดต่อไปที่กงสุลใหญ่ (ฝ่ายศุลกากร) ณ เมืองฮ่องกง เมื่อได้รับคำตอบจากกงสุลใหญ่(ฝ่ายศุลกากร) ณ เมืองฮ่องกง ตามบันทึกข้อความเอกสารหมาย จ.๙ และ จ.๑๐แล้วกรมศุลกากรก็ได้แจ้งให้ใช้ราคาตามที่ได้รับแจ้งเป็นราคาประเมิน แต่เมื่อได้พิเคราะห์เอกสารทั้งสองฉบับดังกล่าวแล้ว ปรากฏว่ากงสุลใหญ่ (ฝ่ายศุลกากร) ณ เมืองฮ่องกงหาได้ทำการสืบราคาอันแท้จริงในท้องตลาดของสินค้าพิพาททั้งสองยี่ห้อแต่ประการใดไม่ แต่เป็นการสืบราคาสินค้าจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ โดยไม่ปรากฏแน่ชัดว่าแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้นั้นเป็นที่ใด และมีหลักฐานเพียงใด นอกจากนั้นยังได้ความจากนายสุนสวัสดิ์ต่อไปด้วยว่า จากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้นั้นไม่มีสินค้ากระดากษอัดรูปสียี่ห้อชินซังดังเช่นสินค้ารายพิพาท ทางกรมศุลกากรจึงได้ใช้เทียบเคียงกับราคากระดาษอัดรูปสียี่ห้อซากุระซึ่งมีกำเนิดในประเทศญี่ปุ่น แม้จะเป็นสินค้าที่ผลิตจากคนละประเทศแต่ก็มีลักษณะสภาพของสินค้าใกล้เคียงกัน โดยลดราคากระดาษอัดรูปสียี่ห้อซากุระลงร้อยละ ๑๐ เพราะสินค้ายี่ห้อชินซังเป็นสินค้าใหม่ และเนื่องจากสินค้าดังกล่าวกำเนิดในประเทศเกาหลี (ใต้) แต่จำเลยซื้อผ่านเมืองฮ่องกง ทางกรมศุลกากรมีระเบียบให้เพิ่มราคาสินค้าอีกร้อยละ ๓ บวกเข้าไปด้วย ส่วนราคากระดาษอัดรูปสียี่ห้อมิตซูบิชิก็ถือตามราคาที่กงสุลใหญ่ (ฝ่ายศุลกากร) ณ เมืองฮ่องกงสืบมาจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้นั่นเองจากข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบดังกล่าวไม่ว่าจะเป็นราคาสินค้ากระดาษอัดรูปสียี่ห้อชินซังหรือยี่ห้อมิตซูบิชิ ก็ล้วนแต่เป็นราคาสินค้าที่เลื่อนลอยทั้งสิ้น และนอกจากราคาที่สืบหาจะเลื่อนลอยและเป็นคนละเวลากับเวลานำเข้าของสินค้าพิพาทแล้ว ราคาที่สืบหามาดังกล่าวยังได้ความจากนายสุนสวัสดิ์ต่อไปด้วยว่า ต้องนำราคาที่สืบหามาได้นั้นมาคำนวณเพื่อประเมินตามขนาดของสินค้าพิพาทอีกด้วย โดยถือเอาความกว่างยาวของกระดาษอัดรูปสีขนาด ๓.๕ คือความยาว ๕๗๕ ฟุตเป็นหลัก ส่วนราคาก็เปลี่ยนจากราคาเอฟ.โอ.บี มาเป็นราคา ซี.ไอ.เอฟ. ซึ่งหมายถึงราคาที่รวมค่าขนส่งและค่าประกันภัยด้วยและใช้การคำนวณพื้นที่ของกระดาษมาเป็นเกณฑ์ประเมิน ดังนั้น เมื่อราคาสินค้าที่โจทก์สืบหามาดังกล่าว ไม่ใช่ราคาอันแท้จริงในท้องตลาดโจทก์จึงไม่ชอบที่จะถือเป็นราคากลางแม้โจทก์จะปฏิบัติต่อผู้นำเข้าทุกรายดังโจทก์อุทธรณ์ก็ตาม นอกจากนี้ยังได้ความจากนายสุนสวัสดิ์พยานโจทก์ทำนองเดียวกับที่จำเลยนำสืบอีกด้วยว่าในการนำสินค้าเข้านั้นจำเลยผู้นำเข้าสินค้าจะต้องยื่นบัญชีราคาสินค้าหรือใบอินวอยซ์ และเอกสารควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินโดยต้องมีราคาสินค้าตรงกันและต้องตรงกับราคาสินค้าในใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้าและการซื้อขายตามบัญชีราคาสินค้าที่ซื้อขายกับต่างประเทศ การชำระเงินต้องผ่านธนาคาร และในบัญชีราคาสินค้าจะต้องมีตราของธนาคารที่จ่ายเงินประทับ และได้ความจากนายเสริญ สุนทรชาติ พยานโจทก์อีกด้วยว่าใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้าตามเอกสารหมาย จ.๑ ถึง จ.๖ ของจำเลยมีตราของธนาคารประทับไว้แล้วทุกฉบับ ข้อเท็จจริงเหล่านี้น่าเชื่อได้ว่าราคาสินค้าพิพาทที่จำเลยสำแดงไว้ใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้า เป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาด ในเวลาและสถานที่ซึ่งนำของเข้า ส่วนที่โจทก์อ้างมาในอุทธรณ์ว่าราคาสินค้าที่จำเลยสำแดงดังกล่าวถือไม่ได้ว่าเป็นราคาอันแท้จริง เพราะเป็นราคาที่ผู้ขายและผู้ซื้อตกลงกันตามความพอใจ และราคาก็เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอไม่แน่นอน ไม่อาจตรวจสอบได้ว่าราคาใดเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาดเมื่อราคาสินค้าที่จำเลยสำแดงเพื่อเสียภาษีอากรต่ำกว่าราคาที่โจทก์ถือเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาดเพื่อเป็นการประเมินเรียกเก็บภาษีอากร ราคาสินค้าที่จำเลยสำแดงจึงไม่น่าเชื่อถือ โจทก์เองก็ไม่ได้นำสืบให้เห็นเป็นเช่นนั้น ข้ออ้างตามอุทธรณ์ของโจทก์จึงเลื่อนลอยรับฟังไม่ได้ที่ศาลภาษีอากรกลางเชื่อว่าราคาสินค้าพิพาทตามที่จำเลยสำแดงเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาดมากกว่าราคาที่โจทก์นำมาประเมินและพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยให้โจทก์คืนเงินประกันตามฟ้องแย้งให้แก่จำเลยนั้นชอบด้วยเหตุผลและข้อเท็จจริงแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ส่วนปัญหาเรื่องการชำระดอกเบี้ยจากต้นเงิน ๘๑๕,๐๐๐ บาท ว่าโจทก์ต้องชำระดอกเบี้ยให้แก่จำเลยตั้งแต่เมื่อใดนั้นไม่เป็นประเด็นในชั้นนี้ อุทธรณ์โจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน