แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยใช้ชื่อว่าบริษัทเงินทุนในการประกอบธุรกิจโดยจำเลยมิใช่บริษัทเงินทุนตามกฎหมาย ต่อมาระหว่างอุทธรณ์ได้มีประกาศใช้บังคับ พระราชกฤษฎีกาแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุนฯ ซึ่งมาตรา 37 บัญญัติให้เลิกใช้ชื่อดังกล่าวภายใน 180 วันนับแต่วันที่พ.ร.ก. ใช้บังคับ ภายในกำหนดเวลาดังกล่าว จำเลยได้จดทะเบียนเปลี่ยนชื่อบริษัทเลิกใช้ชื่อว่า บริษัทเงินทุน ดังนี้จำเลยมิได้กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 13, 72 แห่งพระราชบัญญัติ การประกอบธุรกิจเงินทุนฯ อีกต่อไป ถือได้ว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิด
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสามกับพวกร่วมกันใช้ชื่อบริษัทจำเลยที่ ๑ เป็นภาษาจีน อ่านว่า ” จือ กิม อู่หัง กงชี” อันมีความหมายว่าบริษัทเงินทุนจำกัดในการประกอบธุรกิจโดยจำเลยกับพวกมิใช่บริษัทเงินทุน และได้ร่วมกันประกอบธุรกิจเงินทุนโดยไม่ได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจเงินทุนฯ พ.ศ.๒๕๒๒ มาตรา ๔, ๘, ๑๑, ๑๓, ๗๑, ๗๒, ๗๘ พ.ร.ก. แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจเงินทุนฯ พ.ศ.๒๕๒๖ มาตรา ๖, ๒๙
จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้อง
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องในความผิดฐานใช้ชื่อหรือสำแดงชื่อที่มีความหมายว่าบริษัทเงินทุนโดยไม่ได้รับอนุญาต นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ตามคำฟ้องและคำรับสารภาพของจำเลยว่า เมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๒๕ ถึงวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๒๗ จำเลยทั้งสามได้ร่วมกันใช้ชื่อของบริษัทจำเลยที่ ๑ ว่า ” จือ กิม อู่หัง กงชี” อันมีความหมายว่า บริษัทเงินทุกนจำกัดในการประกอบธุรกิจโดยจำเลยที่ ๑ มิใช่บริษัทเงินทุนตามกฎหมาย ต่อมาวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๒๖ ได้มีประกาศใช้บังคับพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุกน ธุรกิจหลักทรัพย์และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ. ๒๕๒๒ พ.ศ. ๒๕๒๖ และเมื่อวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๒๗ จำเลยได้จดทะเบียนเปลี่ยชื่อบริษัทชาเตอร์เครดิต จำกัด จำเลยที่ ๑ เป็นบริษัทชาร์เตอร์บีสเนส จำกัด มีปัญหาพิจารณาตามฎีกาของโจทก์ว่า การกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นความผิดฐานใช้ชื่อหรือสำแดงชื่อในธุรกิจว่าบริษัทเงินทุนหรือคำอื่นใดที่มีความหมายเช่นเดียวกันตามพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ. ๒๕๒๒ พ.ศ. ๒๕๒๖ มาตรา ๓๗ หรือไม่ พิเคราะห์แล้ว พระราชกำหนดดังกล่าวมาตรา ๓๗ บัญญัติว่า ” ให้บุคคลซึ่งใช้ชื่อหรือคำแสดงขื่อในธุรกิจที่มีคำว่า ” การลงทุน”
” เครดิต” หรือคำอื่นใดที่มีความหมายเช่นเดียวกันอยู่แล้วในวันที่พระราชกำหนดนี้ใช้บังคับซึ่งต้องห้ามมีให้ใช้ตามมาตรา ๑๓ แห่งพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดนี้เลิกใช้ชื่อ คำแสดงชื่อหรือคำอื่นใดดังกล่าวภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่พระราชกำหนดนี้ใช้บังคับ” ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยได้จดทะเบียนเปลี่ยนชื่อบริษัทชาเตอร์เครดิต จำกัด จำเลยที่ ๑ เป็นบริษัทชาเตอร์บีสเนส จำกัด เป็นการเลิกใช้ชื่อคำว่า ” บริษัทเงินทุกน” ภายในหนึ่งร้อยแปดสินวันตามที่พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุกน ธุรกิจหลักทรัพย์และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ. ๒๕๒๒ พ.ศ. ๒๕๒๖ มาตรา ๓๗ บัญญัติไว้แล้ว จำเลย ที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๓ จึงมิได้กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่โจทก์กล่าวฟ้องอีกต่อไป ถือได้ว่าการกระทำของจำเลยทั้งสามไม่เป็นความผิดฐานใช้ชื่อหรือสำแดงชื่อในธุรกิจว่าบริษัทเงินทุกหรือคำอื่นใดที่มีความหมายเช่นเดียวกันที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์สำหรับความผิดฐานใช้ชื่อหรือสำแดงชื่อที่มีความหมายว่าบริษัทเงินทุนตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๓, ๗๒ พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุกน ธุรกิจหลักทรัพย์และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ. ๒๕๒๒ พ.ศ. ๒๕๒๖ มาตรา ๖, ๒๙ นั้นชอบแล้ว
พิพากษายืน