คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2143/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงมาว่า จำเลยแสดงข้อความในเอกสารหมาย จ.1 อันเป็นการใส่ความโจทก์ต่อ ธ.โดยมุ่งหวังให้โจทก์ต้องถูกบริษัท บ. ไล่ออกจากงาน จึงไม่เป็นการแสดงข้อความเอกสารหมาย จ.1 โดยสุจริตเพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนหรือส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม จำเลยฎีกาว่า ธ.เป็นผู้บังคับบัญชาโจทก์ เป็นกรรมการและได้รับมอบอำนาจจากบริษัท บ.ให้ฟ้องเรียกหนี้จากจำเลย โจทก์เป็นผู้รับมอบอำนาจช่วงจาก ธ. ได้ฟ้องคดีแพ่งกลั่นแกล้งยึดทรัพย์จำเลย จนจำเลยไม่อาจทำการค้าได้และยังแจ้งความดำเนินคดีอาญาเกี่ยวกับเช็ค นำเจ้าพนักงานตำรวจไปจับจำเลยในที่สาธารณะเป็นเหตุให้จำเลยอับอายและเสียหาย จำเลยจึงมีสิทธิไปแจ้งความจริงที่จำเลยได้รับการกลั่นแกล้งจากโจทก์ต่อ ธ. และไปพบเกี่ยวกับหนี้สินที่จำเลยจะชำระให้แก่บริษัท บ. ทั้งนี้เพื่อความชอบธรรมป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม เป็นการใช้สิทธิตามกฎหมาย ถือว่าจำเลยใช้สิทธิโดยสุจริต เป็นฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์รับฟังมาว่า การกระทำของจำเลยไม่เป็นการแสดงข้อความโดยสุจริตจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันใส่ความโจทก์โดยการโฆษณาด้วยเอกสารต่อนายธนา เลียวบุรินทร์ บุคคลที่สามซึ่งเป็นกรรมการบริษัทบอร์เนียว (ประเทศไทย) จำกัด ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓, ๓๒๖, ๓๒๘
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว คดีมีมูลให้ประทับฟ้องไว้พิจารณา
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว วินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยไม่เป็นการโฆษณาด้วยเอกสารไม่ผิดมาตรา ๓๒๘ แห่งประมวลกฎหมายอาญา พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๖ จำคุกคนละ ๑ เดือน และปรับคนละ ๑,๐๐๐ บาท จำเลยทั้งสองไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน สมควรให้โอกาสจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ กลับตัวเป็นพลเมืองดี รอการลงโทษจำคุกไว้ ๑ ปี ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙, ๓๐ คำขออื่นให้ยก
โจทก์และจำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่ารับฎีกาเฉพาะข้อกฎหมายข้อ ๓ ที่ว่า การกระทำของจำเลยเป็นการต้องด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๙ (๑) หรือไม่
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๘ และศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงในปัญหาที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกามาว่า จำเลยแสดงข้อความในเอกสารหมาย จ.๑ อันเป็นการใส่ความโจทก์ต่อนายธนา เลียวบุรินทร์ โดยมุ่งหวังให้โจทก์ต้องถูกบริษัทบอร์เนียว (ประเทศไทย) จำกัด ไล่ออกจากงาน จึงไม่เป็นการแสดงข้อความเอกสารหมาย จ.๑ โดยสุจริต เพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนหรือส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม จำเลยทั้งสองฎีกาว่านายธนา เลียวบุรินทร์ เป็นผู้บังคับบัญชาโจทก์ เป็นกรรมการและได้รับมอบอำนาจจากบริษัทบอร์เนียว (ประเทศไทย) จำกัด ให้ฟ้องเรียกหนี้จากจำเลย โจทก์เป็นผู้รับมอบอำนาจช่วงจากนายธนา เลียวบุรินทร์ ได้ฟ้องคดีแพ่งกลั่นแกล้งยึดทรัพย์จำเลย จนจำเลยไม่อาจทำการค้าได้และยังแจ้งความดำเนินคดีอาญาเกี่ยวกับเช็ค นำเจ้าพนักงานตำรวจไปจับจำเลยในที่สาธารณะเป็นเหตุให้จำเลยอับอายและเสียหาย จำเลยจึงมีสิทธิไปแจ้งความจริงที่จำเลยได้รับการกลั่นแกล้งจากโจทก์ต่อนายธนา เลียวบุรินทร์และไปพบเกี่ยวกับหนี้สินที่จำเลยจะชำระให้แก่บริษัทบอร์เนียว (ประเทศไทย) จำกัด ได้ทั้งนี้เพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม เป็นการใช้สิทธิตามกฎหมายถือว่าจำเลยใช้สิทธิโดยสุจริต เห็นว่าฎีกาของจำเลยทั้งสองเป็นฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์รับฟังมาว่า การกระทำของจำเลยไม่เป็นการแสดงข้อความโดยสุจริต จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกาตามบทกฎหมายดังกล่าวข้างต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกฎีกาของจำเลยทั้งสอง

Share