แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ขณะคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2528 มาตรา 3 ยกเลิกพระราชบัญญัติฝิ่น พุทธศักราช 2472 โดยบัญญัติให้ฝิ่นหรือมูลฝิ่นเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 2 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 และมาตรา 17 บัญญัติห้ามมิให้มียาเสพติดให้โทษประเภท 2 ไว้ในครอบครอง หากฝ่าฝืนมีโทษตามมาตรา 69 ซึ่งมีโทษเบากว่าโทษฐานมีมูลฝิ่นไว้ในครอบครองตามพระราชบัญญัติฝิ่น พุทธศักราช 2472 อันเป็นกรณีที่กฎหมายซึ่งใช้ในขณะกระทำผิด แตกต่างกับกฎหมายซึ่งใช้ในภายหลังการกระทำผิดเป็นคุณแก่จำเลย จึงต้องใช้พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 69 ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติฝิ่น พุทธศักราช ๒๔๗๒ มาตรา ๘, ๑๑, ๕๓, ๕๓ ทวิ, ๖๙ พระราชบัญญัติฝิ่น (ฉบับที่๗) พ.ศ. ๒๕๐๒ มาตรา ๕, ๖ พระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ พ.ศ.๒๔๙๐ มาตรา ๔ (๒), ๕๕, ๗๘ (ฉบับที่๗) พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๖, ๘ กฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๑(พ.ศ. ๒๕๒๒) ข้อ ๓
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ ๑ มีความผิดตามพระราชบัญญัติฝิ่น พุทธศักราช ๒๔๗๒ มาตรา ๕๓ ทวิ จำคุก ๑ ปี และมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗๘ และ (ฉบับที่๗) พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๘ อีกกระทงหนึ่ง จำคุก ๕ ปี รวมจำคุกจำเลยที่ ๑ มีกำหนด ๖ ปี ยกข้อหานอกนั้น และยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ ๒
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้ยกฟ้องจำเลยที่ ๑
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ ๑ มีความผิดฐานมีมูลฝิ่นไว้ในครอบครองโดยไม่รับอนุญาตกระทงหนึ่ง และมีความผิดฐานมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายอีกกระทงหนึ่ง
เนื่องจากขณะคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ปรากฏว่าพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.๒๕๒๘ มาตรา ๓ ได้บัญญัติยกเลิกพระราชบัญญัติฝิ่น พุทธศักราช ๒๔๗๒ เสียทั้งสิ้น และประกาศใช้เมื่อวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๒๘ โดยมาตรา ๑๐แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวบัญญัติว่า ในขณะที่ไม่มีประกาศให้ฝิ่นหรือมูลฝิ่น หรือพันธุ์ฝิ่นเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทใดตามมาตรา ๗ และมาตรา ๘(๑) ให้ฝิ่นหรือมูลฝิ่นตามกฎหมายว่าด้วยฝิ่นเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท ๒ และตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๗ บัญญัติห้ามมิให้มียาเสพติดให้โทษประเภท ๒ ไว้ในครอบครอง เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาต หากฝ่าฝืนมีโทษตามมาตรา ๖๙ ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน ๕ ปี และปรับไม่เกินห้าหมื่นบาทอันเป็นโทษที่เบากว่า โทษฐานมีมูลฝิ่นไว้ในครอบครองตามพระราชบัญญัติฝิ่น พุทธศักราช ๒๔๗๒ ที่แก้ไขแล้ว มาตรา ๕๓ ทวิ ซึ่งมีโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงสิบปี ปรับสิบเท่าราคาฝิ่นหรือมูลฝิ่น แต่ไม่น้อยกว่าสองพันบาท อันเป็นกรณีที่กฎหมายซึ่งใช้ในขณะกระทำผิด แตกต่างกับกฎหมายซึ่งใช้ในภายหลังการกระทำผิดเป็นคุณแก่จำเลยที่ ๑ จึงต้องใช้พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๖๙ ลงโทษจำเลยที่ ๑ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓
พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยที่ ๑ มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๖๙ จำคุก ๑ ปี และมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗๘ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่๗) พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๘ จำคุก ๕ ปี รวมเป็นโทษจำคุก ๖ ปี.