คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3169/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่โจทก์ยอมให้ที่ดินเฉพาะส่วนที่เป็นถนนซอยในที่ดินโฉนดของโจทก์เป็นทางสาธารณะสำหรับประชาชนสัญจรไปมา จนจำเลยร่วมได้เข้าไปทำถนนและสร้างท่อระบายน้ำให้ประชาชนได้ใช้สัญจรไปมาติดต่อกันนานกว่า 10 ปี แสดงว่าโจทก์ได้อุทิศที่ดินของโจทก์ส่วนที่เป็นถนนซอยให้เป็นทางสาธารณะโดยปริยาย ที่ดินดังกล่าวจึงตกเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภททรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1304 (2) โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะยึดถือเอาที่ดินส่วนนั้นกลับคืนเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ได้
เมื่อที่ดินส่วนที่เป็นถนนซอยของโจทก์ตกเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินการที่จำเลยขุดเอาที่ดินใต้ท่อระบายน้ำเดิมในที่ดินส่วนนั้นออก เพื่อวางท่อระบายน้ำให้ใหญ่ขึ้น จึงไม่เป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ เป็นนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัดมีจำเลยที่ ๒ เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ จำเลยที่ ๑ รับเหมาทำพื้นถนนคอนกรีตพร้อมวางท่อระบายน้ำใหม่ในซอยอารีย์ ๕ ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานครตลอดสาย จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันทำถนนและฝังท่อคอนกรีตระบายน้ำผ่านเข้ามาในที่ดินของโจทก์โฉนดเลขที่ ๙๒๘๔ ตำบลสามเสนใน อำเภอดุสิต กรุงเทพมหานคร บางส่วน แม้โจทก์ได้ยินยอมให้ใช้เป็นทางผ่านเข้าออกเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนก็ตาม แต่กรรมสิทธิ์ยังเป็นของโจทก์อยู่ จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันทำละเมิดต่อโจทก์โดยใช้คนงานของจำเลยทั้งสองขุดดินในที่ดินดังกล่าวรวมเนื้อที่ ๘๔๐ ตารางเมตรไปขาย รวมเนื้อที่ดินที่จำเลยทั้งสองนำไปขายเป็นเงิน ๒๙,๔๐๐ บาท นอกจากนี้จำเลยทั้งสองประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้รถยนต์บรรทุกของจำเลยทั้งสองขนรั้วไม้บางส่วนของโจทก์เสียหาย โจทก์ต้องซ่อมแซมคิดเป็นเงิน ๒,๐๐๐ บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายจำนวน ๓๑,๔๐๐ บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันถัดจากวันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ให้การว่า จำเลยที่ ๑ เป็นผู้ประมูลรับเหมาทำพื้นคอนกรีตพร้อมวางท่อระบายน้ำในซอยอารีย์ ๕ ถนนพหลโยธินโดยรับเหมาจากเขตพญาไท กรุงเทพมหานคร ซอยดังกล่าวเป็นซอยสาธารณะมากว่า ๑๐ ปีแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิกล่าวอ้างว่าที่ดินในซอยอารีย์ ๕ เป็นของโจทก์ เมื่อจำเลยที่ ๑ ทำสัญญากับกรุงเทพมหานครแล้ว ทางกรุงเทพมหานครโดยเขตพญาไท ได้กำหนดแนวเขตและชี้เขตให้จำเลยขุดดินและทำการก่อสร้าง จำเลยกระทำโดยสุจริตตามคำสั่งของกรุงเทพมหานคร จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์จำเลยทั้งสองไม่เคยนำดินของโจทก์ไปขาย และมิได้ทำให้รั้วของโจทก์ชำรุดเสียหาย ขอให้ยกฟ้องโจทก์
จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอให้เรียกกรุงเทพมหานครเข้ามาเป็นจำเลยร่วม ศาลชั้นต้นหมายเรียกให้
กรุงเทพมหานครเข้ามาเป็นจำเลยร่วมและให้การว่า โจทก์ยินยอมยกที่ดินพิพาทให้เป็นทางผ่านเข้าออกและประชาชนได้ใช้สัญจรเข้าออกเกินกว่า ๒๐ ปีแล้ว ที่ดินพิพาทจึงตกเป็นที่สาธารณะโดยการอุทิศให้และเป็นการอุทิศให้โดยปริยาย ต่อมาทางสาธารณะดังกล่าวชำรุดทรุดโทรมและประชาชนใช้สัญจรไปมา จำเลยร่วมในฐานะที่มีหน้าที่ต้องบำรุงรักษาจึงได้จ้างเหมาจำเลยที่๑ ทำการก่อสร้างปรับปรุงซอยอารีย์ ๕ จำเลยร่วมได้ดำเนินการก่อสร้างปรับปรุงตามแนวเขตเดิม จึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์และไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ โจทก์ไม่มีสิทธิในที่พิพาท และโจทก์ไม่ได้รับความเสียหายจากการกระทำของจำเลย
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ คู่ความแถลงขอสละประเด็นอื่นคงให้เหลือประเด็นข้อพิพาทเพียงว่า จำเลยทั้งสามกระทำการอันเป็นการละเมิดต่อโจทก์หรือไม่ หากละเมิดจำเลยทั้งสามจะต้องร่วมกันรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์หรือไม่ ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้โดยไม่ต้องสืบพยาน มีคำสั่งให้งดการสืบพยานทุกฝ่าย
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ในปัญหาตามฎีกาของโจทก์ข้อแรกว่า ที่พิพาทดังกล่าวยังเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์หรือเป็นทางสาธารณะโดยปริยายเนื่องจากโจทก์อุทิศที่ดินของโจทก์ดังกล่าวเป็นทางสาธารณะ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เห็นว่าพฤติการณ์ที่โจทก์สละที่พิพาทให้เป็นทางสาธารณะสำหรับประชาชนสัญจรไปมาจนจำเลยร่วมได้เข้าไปทำถนนและสร้างท่อระบายน้ำให้ประชาชนได้ใช้สัญจรไปมาติดต่อกันกว่า ๑๐ ปี แสดงว่าโจทก์ได้อุทิศที่ดินของโจทก์ส่วนที่เป็นถนนซอยอารีย์ ๕ ให้เป็นทางสาธารณะโดยปริยายอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภททรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๐๔ (๒) โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะยึดถือเอากลับคืนมาเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ได้
ในปัญหาตามฎีกาของโจทก์ข้อสองว่า การที่จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ขุดเอาดินใต้ท่อระบายน้ำเดิมในที่ดินพิพาทไปขายเป็นการใช้สิทธิอันไม่สุจริต ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์นั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เห็นว่าเมื่อที่พิพาทไม่เป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์การที่จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ขุดเอาดินใต้ท่อระบายน้ำเดิมในที่ดินพิพาทออกเพื่อวางท่อระบายน้ำให้ใหญ่ขึ้น ไม่ว่าจะเอาดินที่ขุดขึ้นมาไปขายหรือไม่ ก็ไม่เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตอันเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ตามฟ้อง
พิพากษายืน

Share