คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2470/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้ายแต่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ตรวจสอบแล้วเห็นว่าไม่ถูกต้อง จึงทำการประเมินใหม่แล้วแจ้งไปยังโจทก์ตามหนังสือแจ้งการประเมินภาษีป้ายลงวันที่ 1 มีนาคม 2526 โจทก์ได้รับหนังสือดังกล่าวเมื่อวันที่ 3 เดือนเดียวกันแต่มิได้อุทธรณ์ กลับโต้แย้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 มีหนังสือหารือผู้ว่าราชการจังหวัดจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 3 ตอบมายังจำเลยที่ 1 ว่า จำเลยที่ 1 คำนวณภาษีป้ายถูกต้องแล้ว ต่อมาวันที่ 24 พฤษภาคม 2526 จำเลยที่ 1 มีหนังสือแจ้งให้โจทก์ทราบผลการหารือจำเลยที่ 3 กับให้โจทก์นำค่าภาษีป้ายพร้อมเงินเพิ่มไปชำระภายใน 7 วันนับแต่วันรับหนังสือ ครั้นวันที่ 1 มิถุนายน 2526 โจทก์จึงอุทธรณ์การประเมินภาษีป้ายต่อผู้ว่าราชการจังหวัดจำเลยที่ 3 ดังนี้ หนังสือลงวันที่ 24 พฤษภาคม 2526 เป็นการแจ้งให้โจทก์นำภาษีป้ายพร้อมเงินเพิ่มตามที่ได้แจ้งการประเมินไว้แล้วตามหนังสือของจำเลยที่ 1 ลงวันที่ 1 มีนาคม 2526 ไปชำระแก่จำเลยที่ 1 เท่านั้น หาใช่หนังสือแจ้งการประเมินไม่ อุทธรณ์ของโจทก์จึงยื่นเกินกว่า 30 วันนับแต่วันที่โจทก์ได้รับแจ้งการประเมิน การที่จำเลยที่ 1 มีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์จึงชอบแล้ว
เมื่อหนังสือฉบับลงวันที่ 24 พฤษภาคม 2526 มิใช่การแจ้งการประเมิน ย่อมถือไม่ได้ว่าเป็นการที่เจ้าหนี้ได้ทำการอื่นใดเป็นอย่างเดียวกับการฟ้องคดีตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 173 ทั้งกำหนดเวลาอุทธรณ์การประเมินก็มิใช่อายุความ จะนำบทบัญญัติเรื่องอายุความสะดุดหยุดลงมาปรับหาได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้ายที่ต้องเสียเป็นเงิน ๕,๐๗๐ บาท พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ ๑ ตรวจสอบแล้วประเมินภาษีป้ายให้โจทก์เสียเป็นเงิน ๓๑,๗๒๐ บาท โจทก์โต้แย้ง พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ ๑ แจ้งว่าจะหารือกับจำเลยที่๓ และทำการประเมินใหม่ ต่อมาเมื่อวันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๒๖ พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ประเมินใหม่ว่า ได้หารือกับจำเลยที่ ๓ แล้วยืนยันให้โจทก์เสียภาษีป้ายเป็นเงิน ๓๑,๗๒๐ บาท พร้อมค่าเพิ่มภาษีป้าย ๓๑๗.๒๐ บาท รวมเป็นเงิน ๓๒,๐๓๗.๒๐ บาท ให้โจทก์ชำระภายในเจ็ดวัน วันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๒๖ โจทก์ยื่นอุทธรณ์การประเมินไปยังจำเลยที่ ๓ แต่จำเลยที่ ๒ ไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ อ้างว่ายื่นล่วงเลยระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ ขอให้พิพากษาว่าอุทธรณ์ของโจทก์เป็นอุทธรณ์ที่ยื่นภายในระยะเวลาชอบด้วยกฎหมาย และแบบแสดงรายการภาษีป้ายที่โจทก์ยื่นนั้นชอบแล้ว
จำเลยทั้งสี่ให้การว่า โจทก์ยื่นอุทธรณ์เกินกำหนดเวลาและการประเมินภาษีป้ายของจำเลยชอบแล้ว โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น โจทก์ขอถอนฟ้องจำเลยที่ ๓ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาว่าโจทก์ยื่นอุทธรณ์การประเมินภาษีป้ายต่อผู้ว่าราชการจังหวัดภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งการประเมินหรือไม่ ข้อเท็จจริงในข้อนี้ได้ความเป็นยุติว่าเมื่อวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๖ โจทก์ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๒๖ ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ ๑ โดยคำนวณว่าต้องเสียภาษีป้าย ๕,๐๗๐ บาท ตามเอกสารหมาย จ.๑ แต่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ ๑ ตรวจสอบแล้วเห็นว่าไม่ถูกต้องจึงทำการประเมินใหม่เป็นค่าภาษีป้ายทั้งสิ้น ๓๑,๗๒๐ บาท แล้วแจ้งไปยังโจทก์ตามหนังสือแจ้งการประเมินภาษีป้ายลงวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๒๖ เอกสารหมาย จ.๒ โจทก์ได้รับหนังสือดังกล่าวเมื่อวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๒๖ โจทก์มิได้อุทธรณ์ แต่ได้โต้แย้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๑ มีหนังสือหารือผู้ว่าราชการจังหวัดจำเลยที่ ๓ จำเลยที่ ๓ ตอบมายังจำเลยที่ ๑ ตามหนังสือลงวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๒๖ เอกสารหมาย จ.๖ แผ่นที่ ๑ ว่าจำเลยที่ ๑ คำนวณถูกต้องแล้ว ต่อมาวันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๒๖ จำเลยที่ ๑ มีหนังสือตามเอกสารหมาย จ.๖ แผ่นที่ ๒ แจ้งให้โจทก์ทราบผลการหารือจำเลยที่ ๓ กับให้โจทก์นำค่าภาษีป้าย ๓๑,๗๒๐บาท พร้อมเงินเพิ่ม ๓๑๗.๒๐ บาท ไปชำระภายใน ๗ วันนับแต่วันรับหนังสือ ครั้นวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๒๖ โจทก์จึงอุทธรณ์การประเมินภาษีป้ายต่อผู้ว่าราชการจังหวัดจำเลยที่ ๓ โดยยื่นแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ ๑ ตามเอกสารหมาย จ.๗ จำเลยที่ ๑ มีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์อ้างว่าเลยระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้แล้ว โจทก์จึงฟ้องคดีนี้ เห็นว่า หนังสือของจำเลยที่ ๑ ลงวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๒๖ ตามเอกสารหมาย จ.๒ ซึ่งโจทก์ได้รับเมื่อวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๒๖ มีข้อความแสดงชัดแจ้งว่าเป็นหนังสือแจ้งการประเมินภาษีป้าย ส่วนหนังสือลงวันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๒๖ ตามเอกสารหมาย จ.๖แผ่นที่ ๒ เป็นการแจ้งให้โจทก์นำภาษีป้ายพร้อมเงินเพิ่มตามที่ได้แจ้งการประเมินแล้วไปชำระแก่จำเลยที่ ๑ ภายใน ๗ วันเท่านั้น หาใช่หนังสือแจ้งการประเมินไม่โจทก์ยื่นอุทธรณ์ต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเมื่อวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๒๖ จึงเกินกว่า ๓๐ วันนับแต่วันที่โจทก์ได้รับแจ้งการประเมินตามเอกสารหมาย จ.๒ แล้ว ที่โจทก์ฎีกาอ้างว่าการที่จำเลยที่ ๑ สั่งให้โจทก์นำเงินภาษีป้ายพร้อมเงินเพิ่มไปชำระตามเอกสารหมาย จ.๖ แผ่นที่ ๒ ถือได้ว่าเป็นการที่เจ้าหนี้ได้ทำการอื่นใดอันมีผลเป็นอย่างเดียวกับการการฟ้องคดี เป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๗๒ อายุอุทธรณ์การประเมินจึงเริ่มนับตั้งแต่วันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๒๖ นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อฟังว่าหนังสือฉบับดังกล่าวมิใช่การแจ้งการประเมินแล้ว ก็ถือไม่ได้ว่า เป็นการที่เจ้าหนี้ได้ทำการอื่นใดเป็นอย่างเดียวกับการฟ้องคดีตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๗๓ ทั้งกำหนดเวลาอุทธรณ์การประเมินก็มิใช่อายุความ จะนำบทบัญญัติเรื่องอายุความสะดุดหยุดลงปรับหาได้ไม่

Share