คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1124/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยติดต่อผู้เสียหายให้หาซื้อโคให้ เมื่อจำเลยขายโคได้แล้วจะนำเงินค่านายหน้าและค่าโคมาชำระให้ ผู้เสียหายซื้อโคได้แล้วมอบให้จำเลยไปจำเลยไม่นำเงินค่านายหน้าและค่าโคมาชำระ เมื่อถูกจับกุมก็ให้การว่าได้ชำระเงินให้ผู้เสียหายจนครบถ้วนแล้ว เห็นได้ว่าจำเลยมิได้มีเจตนาจะซื้อโคอย่างแท้จริง แต่ได้วางแผนหลอกลวงผู้เสียหายกับพวกมาตั้งแต่ต้นโดยแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่าจะซื้อแต่ความจริงจำเลยมิได้มีเจตนาจะซื้อและชำระราคาโค จึงเป็นความผิดฐานฉ้อโกง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่านายประครองผู้เสียหายมอบโคให้จำเลยนำไปขายโดยจำเลยจะนำเงินค่าขายโคมามอบให้ผู้เสียหาย แต่จำเลยเบียดบังเงินค่าขายโคดังกล่าวเป็นของตนโดยทุจริต ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๒ ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาโคแก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์ฟ้องให้ลงโทษฐานยักยอก ทางพิจารณาได้ความว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานฉ้อโกง ศาลลงโทษจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๒ พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๑ ลงโทษจำคุกกับให้คืนโคหรือใช้ราคาแก่ผู้เสียหาย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า คดีไม่ได้ความว่าจำเลยได้ใช้อุบายหลอกลวงผู้เสียหายอย่างไร การที่จำเลยรับโคไปแล้วไม่ชำระราคาอ้างว่าได้ชำระราคาให้แล้วนั้นเป็นปัญหาเกี่ยวกับว่าจำเลยผิดสัญญาหรือไม่ ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยตั้งใจจะไม่ชำระหนี้มาตั้งแต่ต้นโดยไม่คิดที่จะซื้อและชำระราคาโค แต่ต้องการจะได้โคไปจากผู้เสียหายอันจะเป็นความผิดฐานฉ้อโกง พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยได้ติดต่อนายประครองผู้เสียหายให้หาซื้อโคให้ เมื่อจำเลยขายโคได้แล้วจะนำเงินค่านายหน้าและค่าโคมาชำระให้ผู้เสียหายซื้อโคได้ ๔๗ ตัว ราคา ๒๘๘,๖๐๐ บาท มอบให้จำเลยไปแล้ว จำเลยไม่นำเงินค่านายหน้าและค่าโคมาชำระ เมื่อถูกจับกุมก็ให้การว่าได้ชำระเงินให้ผู้เสียหายครบถ้วนแล้ว เห็นว่า จำเลยต้องการจะได้โคจำนวนมาก จึงไปหาผู้เสียหายให้ติดต่อซื้อโคมาขายให้จำเลย เมื่อผู้เสียหายกับพวกได้ติดต่อกับเจ้าของโคให้นำโคมาขายให้จำเลยไม่ได้สนใจเกี่ยวกับวิธีการซื้อขาย คือไม่ได้ดูโคว่าแต่ละตัวมีขนาดลักษณะสมบูรณ์เหมาะสมกับราคาหรือไม่ และไม่ได้ทำบันทึกหรือบัญชีว่าโคตัวใด ราคาเท่าไรไว้ แม้ผู้เสียหายจะได้ดูบัญชีและราคาโค ก็ดูเพียงผิวเผิน ไม่ได้ลงชื่อรับทราบหรือทำหลักฐานให้ผู้เสียหาย เมื่อเห็นว่าผู้เสียหายจัดการให้เจ้าของโคนำโคมาที่บ้านผู้เสียหายตามที่ต้องการแล้วก็เอารถบรรทุกโคไปเลย และหลังจากนั้นจำเลยไม่ได้ติดต่อกับผู้เสียหายกับพวกอีก แม้ผู้เสียหายกับพวกได้พยายามตามหาก็หลบหลีกไม่ยอมให้พบ จนต้องแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อถูกจับได้กลับให้การว่าได้ชำระค่าโคเรียบร้อยแล้วพฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าจำเลยมิได้มีเจตนาจะซื้อโคอย่างแท้จริง แต่ได้วางแผนหลอกลวงผู้เสียหายกับพวกมาตั้งแต่ต้นโดยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่าจะซื้อแต่ความจริงจำเลยมิได้มีเจตนาที่จะซื้อและชำระราคาโค ด้วยการหลอกลวงดังกล่าวจำเลยได้โคจำนวน ๔๗ ตัว ราคา ๒๘๘,๖๐๐ บาทไป การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๑
พิพากษากลับให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.

Share