แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อ ธ. วิ่งหนีจำเลยไปแล้ว จำเลยไม่ได้วิ่งไล่ตามไปยิงโดยกลับใจเอาปืนมาจ้อง ว. แทน ทั้งที่มีโอกาสจะยิง ธ. ได้ จึงเป็นการยับยั้งเสียเองไม่กระทำการให้ตลอด เมื่อจำเลยจ้องปืนไปทาง ว. แล้ว ว. พูดว่าไม่เกี่ยวและหลบเข้าไปทางหลังบ้าน จำเลยเดินไปอีกทางหนึ่งโดยไม่ตามเข้าไปยิง ว.ทั้งที่มีโอกาสจะยิงได้ เป็นการยับยั้งเสียเองไม่กระทำการให้ตลอด จำเลยจึงไม่ต้องรับโทษในความผิดฐานพยายามฆ่า ธ และ ว.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐,๙๑ พระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ มาตรา ๗, ๘ ทวิ, ๗๒, ๗๒ ทวิ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยได้ใช้ปืนยาวจ้องยิงไปยังนายธวัชแล้วเมื่อนายธวัชวิ่งหนีขึ้นบันไดไปบนบ้านนายเสนาะ จำเลยไม่ได้วิ่งตาม โดยกลับใจเอาปืนมาจ้องนายวิเชษฐ์แทน ทั้งที่จำเลยมีโอกาสจะยิงนายธวัชได้ การกระทำของจำเลยเกี่ยวกับนายธวัชจึงเป็นการยับยั้งเสียเองไม่กระทำการให้ตลอด จำเลยจึงยังไม่ต้องรับโทษในความผิดฐานพยายามฆ่านายธวัช ส่วนที่เกี่ยวกับนายวิเชษฐ์นั้น เมื่อจำเลยจ้องปืนไปทางนายวิเชษฐ์ นายวิเชษฐ์พูดว่าผมไม่เกี่ยวและยกมือขึ้นป้อง แล้วนายวิเชษฐ์ได้เข้าไปหลังบ้านทะลุหลังบ้านเข้าไปซ่อนตัวในป่า ส่วนจำเลยเดินเลาะลวดหนามไปทางปั๊มน้ำมัน ถ้าจำเลยเจตนาจะยิงนายวิเชษฐ์อย่างแท้จริง จำเลยน่าจะต้องตามหลังนายวิเชษฐ์และยิงนายวิเชษฐ์แล้ว เพราะมีโอกาสจะยิงได้ การที่จำเลยกลับไปเสียอีกทางหนึ่ง แสดงว่า เมื่อจำเลยทราบจากนายวิเชษฐ์ว่าไม่เกี่ยวข้องด้วยจำเลยก็ยับยั้งเสียเองไม่กระทำการให้ตลอด จำเลยจึงยังไม่ต้องรับโทษในความผิดฐานพยายามฆ่านายวิเชษฐ์เช่นกัน คงมีความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ