คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 58/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยกับ ส. ผู้ตายเป็นตำรวจประจำสถานีตำรวจเดียวกันจำเลยมีบาดแผลที่เข่าเป็นเหตุให้เดินไม่ถนัดต้องนุ่งกางเกงขาสั้น ผู้ตายก่อเหตุขึ้นด้วยการเข้ามาตบแผลที่เข่าจำเลย แล้วด่าจำเลยหาว่าจำเลยเอาเรื่องไปฟ้องผู้บังคับบัญชา และชกหน้าจำเลย 1 ที ต่อจากนั้นก็เอากรรไกรตัดหญ้าง้างออกจะหนีบคอจำเลย จำเลยหลบและปัดป้องทำให้หนีบคอไม่ได้ ผู้ตายก็รวบกรรไกรจ้วงแทงศีรษะจำเลย เมื่อจำเลยหลบ กรรไกรปักลงที่ม้านั่ง ผู้ตายยังใช้กรรไกรพุ่งแทงจำเลยในระดับลูกตาหรือหน้าผากอีก จำเลยหลย กรรไกรไปถูกคานยึดขาม้านั่งที่กองไว้ด้านหลัง กรรไกรหลุดจากมือผู้ตาย ผู้ตายบีบคอจำเลยอีก จำเลยดิ้นรนจนตกจากม้านั่งลงไปที่พื้น มือผู้ตายหลุดจากคอ ผู้ตายตามไปชกจำเลยอีกพฤติการณ์ของผู้ตายเป็นการแสดงเจตนาที่จะฆ่าจำเลยให้ตาย และติดตามทำร้ายจำเลยด้วยวิธีต่างๆ ติดต่อกัน จำเลยจึงชักปืนพกออกมาและยิงผู้ตายไปติดๆกัน 2 นัดทันทีโดยมิได้เล็ง (กระสุนปืนถูกผู้ตาย 1 นัด) ในเวลาฉุกละหุกเช่นนั้นจำเลยย่อมไม่มีโอกาสจะหลบหนีได้พ้น เพราะจำเลยมีแผลที่เข่าเดินไม่ถนัดกรรไกรตัดหญ้าก็ตกอยู่ใกล้ๆ ผู้ตาย ผู้ตายอาจนำมาใช้ทำร้ายจำเลยถึงตายได้จำเลยยิงผู้ตายเพื่อป้องกันเช่นนั้น เป็นการกระทำพอสมควรแก่เหตุ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ ริบของกลางเว้นแต่กรรไกรตัดหญ้าของกลางคืนเจ้าของ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง คืนของกลางทั้งหมดแก่เจ้าของ
โจทก์ร่วมอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๘ ประกอบมาตรา ๖๘, ๖๙ จำคุก ๓ ปี อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนให้ริบ กรรไกรตัดหญ้าคืนเจ้าของ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยกับสิบตำรวจตรีลัมพงษ์ โสภาคะยัง ผู้ตายเป็นเจ้าพนักงานตำรวจประจำสถานีตำรวจภูธรอำเภอหนองกุงศรีด้วยกัน ก่อนเกิดเหตุ ๒ วัน จำเลยขับรถจักรยานยนต์ไปคว่ำทำให้มีบาดแผลที่เข่าขวา วันเกิดเหตุจำเลยนั่งอยู่ที่ม้ายาวใต้ถุนสถานีตำรวจคุยกับผู้อื่นอยู่ ผู้ตายลงจากสถานีตำรวจมาหาจำเลยเอามือตบเข่าขวาข้างที่เป็นแผลของจำเลยถามว่า เจ็บไหม จำเลยว่าเจ็บ ผู้ตายก็ถามว่าหากมีใครมาทำกับมึงอย่างนี้จะสู้หรือไม่ จำเลยว่าไม่สู้ ผู้ตายชกแก้มซ้ายจำเลย ๑ ที ด่าจำเลยหาว่าเอาเรื่องไปฟ้องผู้บังคับบัญชา แล้วผู้ตายหยิบกรรไกรตัดหญ้ามาง้างจะหนีบคอจำเลย จำเลยหลบ ผู้ตายรวบกรรไกรจ้วงแทงลงไปที่ศีรษะจำเลย จำเลยหลบ กรรไกรจึงปักลงไปบนม้านั่งผู้ตายเอากรรไกรแทงจำเลยอีก จำเลยหลบ กรรไกรเลยไปถูกคานยึดขาม้านั่งที่ซ้อนกันอยู่ด้านหลังจำเลย กรรไกรหลุดจากมือผู้ตาย ต่อจากนั้นผู้ตายก็บีบคอจำเลย จำเลยดิ้นรนจนตกจากม้านั่ง มือของผู้ตายหลุดจากคอจำเลย ผู้ตายชกหน้าจำเลยอีก จำเลยเซถลาไปและชักปืนพกที่เอวออกมายิงผู้ตาย ๒ นัด ผู้ตายล้มลงนอน
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยในชั้นนี้คงมีว่า การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุหรือไม่ เห็นว่า จำเลยมีบาดแผลที่เข่าเป็นเหตุให้เดินไม่ถนัดต้องนุ่งกางเกงขาสั้น ผู้ตายก่อเหตุขึ้นด้วยการเข้ามาตบแผลที่เข่าจำเลย แล้วด่าจำเลยหาว่าจำเลยเอาเรื่องไปฟ้องผู้บังคับบัญชา และชกหน้าจำเลย ๑ ที ต่อจากนั้นก็เอากรรไกรตัดหญ้าง้างออกจะหนีบคอจำเลย จำเลยหลบและปัดป้องทำให้หนีบคอไม่ได้ ผู้ตายก็รวบกรรไกรจ้วงแทงศีรษะจำเลย เมื่อจำเลยหลบกรรไกรปักลงที่ม้านั่งซึ่งตามบันทึกการตรวจสถานที่เกิดเหตุเอกสารหมาย จ.๓ ที่ม้านั่งมีรอยลึก ๐.๕ เซนติเมตร ๒ รู ห่างกัน ๖ เซนติเมตร ผู้ตายยังใช้กรรไกรพุ่งแทงจำเลยอีก จำเลยหลบ กรรไกรไปถูกคานยึดขาม้านั่งที่กองไว้ด้านหลังซึ่งตามบันทึกการตรวจสถานที่เกิดเหตุว่าเป็นรอยไม้ถูกของมีคม ๒ กรอย ห่างกัน ๑๐ เซนติเมตรอยู่ระดับลูกตาหรือหน้าผากของจำเลยกรรไกรหลุดจากมือผู้ตาย ผู้ตายเข้าบีบคอจำเลยอีก จำเลยดิ้นรนจนตกจากม้านั่งลงไปที่พื้น มือผู้ตายหลุดจากคอ ผู้ตายตามไปชกจำเลยอีก พฤติการณ์ของผู้ตายเป็นการแสดงเจตนาที่จะฆ่าจำเลยให้ได้ และติดตามทำร้ายจำเลยด้วยวิธีต่าง ๆ ติดต่อกัน จำเลยจึงชักปืนพกออกมายิงผู้ตายไปติดๆ กัน ๒ นัดทันที ซึ่งเป็นการยิงที่มิได้เล็ง เพราะกระสุนปืนนัดหนึ่งไปถูกพื้นกระดานของสถานีตำรวจ ในเวลาฉุกละหุกเช่นนั้นจำเลยย่อมไม่มีโอกาสจะหลบหนีได้พ้น เพราะจำเลยมีแผลที่เข่าเดินไม่ถนัด กรรไกรตัดหญ้าที่ผู้ตายใช้ทำร้ายจำเลย ๒ ครั้ง ก็ตกอยู่ใกล้ ๆ ผู้ตาย ผู้ตายอาจนำมาใช้ทำร้ายจำเลยถึงตายได้ ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยกับศาลชั้นต้นว่าจำเลยกระทำพอสมควรแก่เหตุเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์และบังคับคดีไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น

Share