คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4120/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข. พวกของจำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหายแล้ววิ่งหนี ขณะที่กำลังวิ่งอยู่นั้นจำเลยก็ถือปืนเข้ามาจ้องจะยิงผู้เสียหายซ้ำ พ. ผลักผู้เสียหายให้ล้มลงแล้วเข้ายืนบังไว้ ส. ก็ร้องขอจำเลยว่าอย่าทำอีกเลยเพราะคนเจ็บแล้ว จำเลยจึงลดปืนลงแล้ววิ่งไปทางเดียวกับ ข.ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกมีปืนเป็นอาวุธติดตัว ร่วมกันใช้ปืนยิงผู้เสียหายด้วยเจตนาฆ่า จำเลยกับพวกลงมือกระทำความผิดไปโดยตลอดแล้ว แต่มีคนเข้ามาห้ามและปัดอาวุธปืนได้ทัน กระสุนปืนจึงถูกผู้เสียหายที่บริเวณต้นขาทั้งสองข้างเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายถึงบาดเจ็บสาหัส ผู้เสียหายจึงไม่ถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐, ๘๓
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓, ๘๐, ๒๘๘ จำคุกจำเลย ๑๒ ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำคุกจำเลยมีกำหนด ๑๐ ปี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยไม่มีเจตนายิงผู้เสียหาย แต่เข้าไปปัดปืนที่นายขาวใช้ยิงผู้เสียหายนั้น เห็นว่านางสาวพรทิพย์ มีพัฒน์ ซึ่งรู้จักจำเลยมาตั้งแต่เด็กและนางเสี้ยน สว่างแสง ซึ่งรู้จักจำเลยมาประมาณ ๒๐ ปี เบิกความตรงกันว่า เมื่อนายขาวใช้ปืนยิงผู้เสียหายแล้วก็วิ่งหนี ขณะที่กำลังวิ่งอยู่นั้น จำเลยก็ถือปืนเข้ามาจ้องจะยิงผู้เสียหายซ้ำ นางสาวพรทิพย์ผลักผู้เสียหายให้ล้มลงแล้วเข้ายืนบังไว้ นางเสี้ยนก็ร้องขอจำเลยว่าอย่าทำอีกเลยเพราะคนเจ็บแล้ว จำเลยจึงลดปืนลงแล้ววิ่งไปทางเดียวกับนายขาว ร้อยตำรวจตรีสมชาย บุญครบ พนักงานสอบสวนเบิกความว่า เช้าวันรุ่งขึ้นจากคืนเกิดเหตุมีชาวบ้านมาแจ้งความว่า นายขาวกับจำเลยร่วมกันใช้ปืนยิงผู้เสียหายบาดเจ็บแล้วหลบหนีไป พยานไปตรวจสถานที่เกิดเหตุในวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๕ ห่างจากวันเกิดเหตุ ๖ วัน ได้บันทึกพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นไว้ว่า หลังจากนายขาวใช้ปืนยิงผู้เสียหายแล้วหลบหนี จำเลยได้เข้ามาใช้ปืนจ้องใส่ผู้เสียหายอีกแต่ถูกห้ามจึงหนีไปเมื่อจับจำเลยมาได้ให้ผู้เสียหายชี้ตัวเมื่อวันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๒๕ ผู้เสียหายก็ยืนยันว่าจำเลยเป็นผู้ที่จะยิงตนในคืนเกิดเหตุ ในบันทึกการจับกุมเอกสารหมาย จ.๑ ซึ่งจำเลยแถลงยอมรับก็ระบุว่า ผู้เสียหายเป็นผู้นำชี้ให้เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยผู้เสียหายให้การชั้นสอบสวนเมื่อวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๕ ซึ่งใกล้เคียงกับวันเกิดเหตุยืนยันว่าจำเลยเข้ามาจ้องปืนจะยิงผู้เสียหาย แม้ผู้เสียหายจะเบิกความในคดีนี้กลับไปกลับมาฟังได้ไม่แน่นอนว่าจำเลยเข้ามาปัดปืนหรือไม่ แต่ก็ยังว่าจำเลยเป็นคนจ้องปืนมาทางผู้เสียหายหลังจากนายขาวยิงผู้เสียหายแล้ว ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย และลงโทษจำเลยมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
พิพากษายืน

Share