คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3801/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข้อบังคับของจำเลยผู้เป็นนายจ้างระบุว่า การเล่นการพนันทุกประเภทในสถานที่ทำการที่บริเวณที่ทำการของจำเลยนอกเวลาปฏิบัติงานและถูกศาลพิพากษาลงโทษไม่ถึงจำคุก ถือว่ากระทำผิดวินัย ซึ่งเท่ากับเป็นการขัดคำสั่งของนายจ้างและประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงนั่นเอง เมื่อโจทก์ผู้เป็นลูกจ้างเล่นการพนันในสถานที่หรือบริเวณที่ทำการของจำเลยนอกเวลาปฏิบัติงานจนถูกศาลพิพากษาลงโทษปรับ จำเลยย่อมลงโทษไล่โจทก์ออกจากงานได้
กฎหมายมิได้บัญญัติไว้เป็นการเคร่งครัดตายตัวว่าหากคู่ความฝ่าฝืนบทบัญญัติว่าด้วยการยื่นและการรับฟังพยานหลักฐานแล้ว ศาลต้องปฏิเสธไม่รับฟังพยานหลักฐานเช่นว่านั้นเสมอไป หากเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมและเป็นพยานสำคัญในคดีแล้ว ศาลย่อมมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานเช่นว่านั้นได้ ในการสืบพยานจำเลย จำเลยอ้างส่งเอกสารโดยมิได้นำส่งสำเนาเอกสารให้โจทก์ก่อนสืบพยานไม่น้อยกว่าสามวันศาลแรงงานกลางมีคำสั่งว่า เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมให้จำเลยส่งสำเนาเอกสารให้โจทก์ภายในสามวัน คำสั่งศาลแรงงานกลางชอบแล้วและศาลรับฟังพยานเอกสารดังกล่าวได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นลูกจ้างประจำของจำเลย ต่อมาจำเลยมีคำสั่งไล่โจทก์ออกจากงาน ซึ่งเป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม ขอให้บังคับจำเลยเพิกถอนคำสั่งของจำเลย แล้วรับโจทก์กลับเข้าทำงานในตำแหน่งหน้าที่และอัตราค่าจ้างเดิมและชดใช้ค่าเสียหายนับแต่วันเลิกจ้างจนกว่าจะรับโจทก์กลับเข้าทำงาน จ่ายค่าชดเชยสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า โจทก์เป็นลูกจ้างประจำของจำเลย จำเลยไล่โจทก์ออกจากงานเพราะโจทก์เล่นการพนันในสถานที่หรือบริเวณที่ทำการจำเลยอันเป็นการกระทำผิดวินัยตามข้อบังคับของจำเลย เป็นการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงจำเลยไม่จำต้องเพิกถอนคำสั่งและรับโจทก์กลับเข้าทำงาน และไม่ต้องจ่ายเงินตามฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกาและในชั้นอุทธรณ์โจทก์ยกข้อกฎหมายขึ้นอุทธรณ์ด้วยว่า ในการสืบพยานจำเลย จำเลยอ้างส่งพยานเอกสารโดยไม่ส่งสำเนาให้โจทก์ก่อนสืบพยานไม่น้อยกว่าสามวัน แต่ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งให้จำเลยส่งสำเนาเอกสารให้โจทก์ภายในสามวันภายหลังสืบพยานจำเลยเสร็จสิ้นแล้ว คำสั่งศาลแรงงานกลางไม่ชอบไม่อาจรับฟังเอกสารกล่าวเป็นพยานได้
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ตามข้อบังคับของจำเลยฉบับที่ ๔๖ ข้อ ๘ ระบุว่า การลงโทษไล่ออกให้กระทำในกรณีพนักงานกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงอย่างหนึ่งอย่างใดต่อไปนี้ ข้อ ๘.๔ ขัดคำสั่งหรือหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ซึ่งสั่งในหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมาย หรือระเบียบข้อบังคับหรือคำสั่งขององค์การ ข้อ ๘.๙ ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง และตามคำสั่งของจำเลยที่ ๕๖๘/๒๕๒๗ ข้อ ๓.๓ ระบุว่า การเล่นการพนันทุกประเภทในสถานที่ทำการหรือบริเวณที่ทำการขององค์การนอกเวลาปฏิบัติงานและถูกศาลพิพากษาลงโทษไม่ถึงจำคุก ถือว่ากระทำผิดวินัยตามข้อบังคับขององค์การ ฉบับที่ ๔๖ ข้อ ๘.๔ และข้อ ๘.๙ ซึ่งเท่ากับถือว่าเป็นการขัดคำสั่งหรือระเบียบข้อบังคับของจำเลยและประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงนั่นเอง เมื่อข้อหาเล่นการพนันในสถานที่หรือบริเวณที่ทำการของจำเลยนอกเวลาปฏิบัติงาน โจทก์ถูกศาลพิพากษาลงโทษปรับ และศาลแรงงานกลางฟังว่าโจทก์กระทำผิดดังกล่าวจริง การกระทำของโจทก์จึงเป็นการขัดคำสั่งของจำเลยที่ ๕๖๘/๒๕๒๗ ข้อ ๓.๓ ที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า การกระทำของโจทก์เป็นการกระทำผิดข้อบังคับของจำเลย ฉบับที่ ๔๖ ข้อ ๘.๔ และ ๘๙ ถือว่าเป็นการขัดคำสั่งหรือระเบียบข้อบังคับของจำเลยและประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง จำเลยย่อมลงโทษไล่โจทก์ออกจากงานได้ตามข้อบังคับและคำสั่งของจำเลยจึงชอบแล้ว ส่วนการยื่นและการรับฟังพยานหลักฐานนั้น กฎหมายหาได้บัญญัติเป็นการเคร่งครัดตายตัวว่าหากคู่ความฝ่าฝืนบทบัญญัติว่าด้วยการยื่นและการรับฟังพยานหลักฐานแล้ว ศาลจะต้องปฏิเสธไม่รับฟังพยานหลักฐานนั้นเสมอไปไม่ ถ้าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมและเป็นพยานหลักฐานอันสำคัญในคดีแล้ว ศาลย่อมมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานเช่นว่านั้นได้ เห็นได้จากประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๘๗ (๒) ซึ่งนำมาใช้บังคับแก่การดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลแรงงานด้วยตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.๒๕๒๒ มาตรา ๓๑ เมื่อเอกสารดังกล่าวเป็นพยานสำคัญ ศาลแรงงานกลางพิเคราะห์แล้วมีคำสั่งว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ให้จำเลยนำส่งสำเนาเอกสารให้โจทก์ภายในสามวัน ดังนั้น คำสั่งของศาลแรงงานกลางจึงหาเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่อาจรับฟังพยานเอกสารดังกล่าวตามที่โจทก์อุทธรณ์ไม่
พิพากษายืน

Share