แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 2 เคยเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างจำเลยที่ 1 แต่ได้สั่งจ่ายเช็คพิพาท เมื่อพ้นจากการเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างจำเลยที่ 1 ไปแล้วมีผลเท่ากับขณะออกเช็คพิพาทผู้มีอำนาจทำการแทนจำเลยที่ 1 ไม่ได้ลงชื่อ เป็นผู้สั่งจ่ายจำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดตามเช็ค
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๒ เคยเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการห้างจำเลยที่ ๑ ได้สั่งจ่ายเช็คของธนาคารเอเซีย จำกัด สำนักงานใหญ่ ลงวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๒๔ เป็นเงิน ๔๙,๕๐๐ บาท ประทับตามของห้างจำเลยที่ ๑ และจำเลยที่ ๓ เป็นผู้สลักหลังนำมาชำระหนี้แก่โจทก์ เมื่อถึงกำหนดโจทก์นำไปเข้าบัญชีเพื่อเรียกเก็บเงินธนาคารปฏิเสธการจ่ายอ้างว่าเงินในบัญชีไม่พอจ่าย ขอบังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวนดังกล่าว
จำเลยที่ ๑ ให้การว่า จำเลยที่ ๒ สั่งจ่ายเช็คพิพาทเมื่อพ้นตำแหน่งหุ้นส่วนผู้จัดการขอห้างจำเลยที่ ๑ ไปก่อนแล้ว จำเลยที่ ๑ ไม่ต้องรับผิด ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินตามเช็ค
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามฟ้องโจทก์บรรยายว่าจำเลยที่ ๒ เคยเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ ๑ และจำเลยที่ ๑ ให้การต่อสู้ว่าจำเลยที่ ๒ พ้นจากตำแหน่งหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ ๑ ไปตั้งแต่วันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๒๒ แล้ว จำเลยที่ ๑ จึงไม่ต้องรับผิดร่วมด้วยโจทก์นำสืบไม่ได้ว่าขณะสั่งจ่ายเช็คพิพาทจำเลยที่ ๒ ยังเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ ๑ อยู่หรือไม่ ตัวโจทก์เบิกความเพียงว่าไม่ทราบว่าจำเลยที่ ๑ เปลี่ยนแปลงหุ้นส่วนผู้จัดการข้อเท็จจริงฟังได้ตามที่จำเลยที่ ๑ นำสืบว่าจำเลยที่ ๒ พ้นจากการเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ ๑ ไปก่อนแล้วตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๒๒ ส่วนเช็คพิพาทสั่งจ่ายภายหลังในวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๒๔ มีผลเท่ากับขณะออกเช็คพิพาทผู้มีอำนาจทำการแทนจำเลยที่ ๑ ไม่ได้ลงชื่อสั่งจ่ายในเช็คพิพาท จำเลยที่ ๑ ไม่จำต้องรับผิดตามเช็คพิพาทต่อโจทก์
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ ๑