แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินพร้อมบ้านจากจำเลย ได้วางเงินมัดจำไว้จำนวนหนึ่ง ต่อมาโจทก์มาขอเงินมัดจำคืน จำเลยตกลงยินยอมคืนให้ ย่อมถือได้ว่าคู่สัญญาตกลงเลิกสัญญาจะซื้อขายกันแล้วฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะอ้างว่าอีกฝ่ายหนึ่งผิดสัญญาเพื่อเรียกร้องให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนอีกไม่ได้ คู่สัญญาต้องกลับคืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่แต่เดิมโดยอนุโลมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด โดยมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้จัดการ เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2521 โจทก์ตกลงจะซื้อที่ดินพร้อมบ้านชั้นเดียว 1 หลังของจำเลยที่ 1 ในราคา 410,000 บาท โดยชำระเงินมัดจำไว้ 100,000 บาท กำหนดแล้วเสร็จภายใน 60 วัน หากไม่แล้วเสร็จจำเลยที่ 1 ยอมให้ปรับเดือนละ 4,000 บาท จนกว่าจะแล้วเสร็จ นอกจากนี้ โจทก์ได้รับอนุญาตจากจำเลยให้ทำการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมภายในบ้าน โจทก์จ่ายค่าวัสดุและค่าแรงเป็นเงิน 60,000 บาท ต่อมาจำเลยสร้างบ้านไม่แล้วเสร็จตามกำหนด โจทก์เตือนเร่งให้ก่อสร้างและโอนกรรมสิทธิ์แก่โจทก์ จำเลยบ่ายเบี่ยงตลอดมา โจทก์มีหนังสือบอกกล่าวไปยังจำเลยให้โอนที่ดินให้โจทก์ในกำหนดจำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยที่ 1 โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมบ้านดังกล่าวแก่โจทก์และริบเงินค่าที่ดินที่ค้างหลังจากหักค่าปรับแล้วเป็นเงิน 168,666.67 บาท หากจำเลยไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินและบ้านดังกล่าวได้ ให้จำเลยทั้งสองคืนมัดจำแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยรวม 137,333.30 บาท กับค่าเสียหายที่ขาดกำไรอีก 330,000 บาท
จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยที่ 1 ก่อสร้างบ้านแล้วเสร็จตามสัญญามอบให้โจทก์ไปแล้ว แต่โจทก์ไม่พร้อมที่จะชำระราคาที่เหลือแก่จำเลย ได้มีการนัดโอนกันแล้วโจทก์ผิดนัดไม่ไปรับเงินและรับโอนตามกำหนด โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา โจทก์เคยขอเงินมัดจำคืน จำเลยที่ 1 ไม่ขัดข้อง เคยแจ้งให้โจทก์ไปรับเงินคืน แต่โจทก์ไม่ไปรับคืนโจทก์ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมภายในบ้าน โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา จำเลยมีสิทธิริบเงินมัดจำ ยอดเงินกำไรโจทก์คาดคะเนเอาเอง จำเลยที่ 2 มิได้ทำในฐานะส่วนตัวไม่ต้องรับผิด
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์ไม่นำพาที่จะไปรับโอนบ้าน เพราะไม่ประสงค์จะซื้อพิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยสร้างบ้านไม่แล้วเสร็จตามสัญญาแล้วโจทก์มิได้สนใจที่จะมาติดต่อเพื่อรับมอบบ้านพิพาทนี้อีก วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2524 และวันที่5 มีนาคม 2524 โจทก์ทำหนังสือถึงจำเลยขอเงินมัดจำคืน ฝ่ายจำเลยตกลงยินยอมคืนให้แต่ยังมิได้จ่ายเงินกัน แล้ววินิจฉัยข้อกฎหมายว่า การที่โจทก์ทำหนังสือถึงจำเลยขอรับเงินมัดจำคืนและทางจำเลยตกลงจะคืนให้นั้น ซึ่งตามพฤติการณ์ดังนี้ถือได้ว่าโจทก์กับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นคู่สัญญา ได้ตกลงเลิกสัญญาจะซื้อขายกันแล้ว เป็นผลให้คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายได้กลับคืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่เดิมโดยอนุโลมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391 ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะกลับมาอ้างว่าอีกฝ่ายหนึ่งผิดสัญญาเพื่อเรียกร้องให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอีกไม่ได้
พิพากษากลับ ให้จำเลยที่ 1 คืนเงินมัดจำแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยและชดใช้เงินที่โจทก์ได้แก้ไขต่อเติมบ้านพิพาทจำนวน 60,000 บาท