คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1739/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์และพยานโจทก์ไม่มาศาล แต่ทนายโจทก์มอบฉันทะให้เสมียนทนายนำคำร้องมายื่นต่อศาลขอเลื่อนการไต่สวนมูลฟ้องศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้เลื่อนและถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาเพื่อไต่สวนให้เห็นว่าคดีโจทก์มีมูลและพิพากษายกฟ้อง ดังนี้ โจทก์จะมาร้องขอให้ยกคดีขึ้นไต่สวนมูลฟ้องใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 มิได้ เพราะมิใช่เป็นกรณีที่ศาลยกฟ้องเพราะเหตุโจทก์ไม่มาศาลตามกำหนดนัด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗, ๑๖๑, ๑๗๗,๑๗๙, ๑๘๐, ๒๐๐, ๒๖๔, ๒๖๕, ๒๖๘
ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนมูลฟ้อง ถึงวันนัดหมายโจทก์มอบฉันทะให้เสมียนทนายนำคำร้องมายื่นต่อศาลขอเลื่อนการไต่สวนมูลฟ้อง ศาลชั้นต้นไม่อนุญาต และถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาเพื่อไต่สวนให้เห็นว่าคดีโจทก์มีมูลตามฟ้อง พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นยกคดีขึ้นไต่สวนมูลฟ้องใหม่ อ้างว่าตัวโจทก์ป่วยและทนายโจทก์ติดว่าความที่ศาลอื่น ไม่ใช่การประวิงคดี
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ศาลพิพากษากยฟ้องโจทก์เพราะคดีโจทก์ไม่มีมูลเนื่องจากไม่มีพยานมาสืบ กรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๑๖๖ ให้ยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์คำสั่งว่า โจทก์ไม่มาศาลโดยมีเหตุสมควร กรณีเป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๖๖ ขอให้ยกคดีขึ้นไต่สวนมูลฟ้องใหม่
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ศาลชั้นต้นยกฟ้องเพราะคดีโจทก์ไม่มีมูลเนื่องจากไม่มีพยานมาสืบ โจทก์ขอให้ยกคดีขึ้นไต่สวนมูลฟ้องใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๖๖ วรรคสองมิได้ พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้เมื่อศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้เลื่อนคดี โดยถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาเพื่อไต่สวนให้เห็นว่าคดีโจทก์มีมูลตามฟ้องและพิพากษายกฟ้องโจทก์นั้น โจทก์หาได้อุทธรณ์คำพิพากษาดังกล่าวแต่อย่างใดไม่ คำพิพากษาศาลชั้นต้นจึงเป็นอันยุติ หลังจากศาลชั้นต้นพิพากษาแล้ว โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ยกคดีขึ้นไต่สวนมูลฟ้องใหม่ ศาลฎีกาเห็นว่ากรณีนี้มิใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ไม่มาศาลตามกำหนดนัด โจทก์จึงไม่อาจขอให้ยกคดีขึ้นไต่สวนมูลฟ้องใหม่ได้ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๖๖
พิพากษายืน

Share