แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำฟ้องโจทก์บรรยายถึงมูลหนี้ที่โจทก์นำมาฟ้องว่า เป็นหนี้ตามคำพิพากษาอันถึงที่สุดแล้วมีจำนวนแน่นอนเกินกว่า 30,000 บาทถึงกำหนดชำระแล้ว จำเลยไม่ชำระ โจทก์จึงนำยึดทรัพย์สินของจำเลยทั้งหมด แต่ทรัพย์สินที่เป็นที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมีการจำนองไว้ เจ้าหนี้จำนองได้ยื่นคำร้องขอเฉลี่ยในฐานะเป็นเจ้าหนี้บุริมสิทธิไว้ต่อศาล ทรัพย์สินอื่นๆ ก็มีราคาไม่พอชำระหนี้ จำเลยจึงเป็นบุคคลมีหนี้สินล้นพ้นตัว ขอให้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดและพิพากษาให้จำเลยล้มละลาย ดังนี้ เป็นคำฟ้องที่สมบูรณ์ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ใน พระราชบัญญัติล้มละลายฯ มาตรา 9 ครบถ้วนตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 ประกอบด้วยพระราบัญญัติล้มละลายฯ มาตรา 153 ไม่ต้องบรรยายให้เข้าหลักเกณฑ์แห่งข้อสันนิษฐานตาม พระราชบัญญัติ ล้มละลายฯมาตรา 8 อีก
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาด ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงฟังยุติได้โดยคู่ความมิได้โต้เถียงกันในชั้นนี้ว่า จำเลยเป็นหนี้โจทก์ตามคำพิพากษาตามยอมของศาลแพ่งในคดีหมายเลขแดงที่ 9529/2523 เงินต้น 223,467 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันที่ 5 มีนาคม 2521เป็นต้นไป รวมเป็นเงินต้นและดอกเบี้ยคิดถึงวันที่ 23 สิงหาคม 2523จำนวน 372,910 บาท 54 สตางค์ และยังเป็นหนี้ธนาคารไทยพาณิชย์จำกัด ตามคำพิพากษาของศาลแพ่งในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 3202/2525ระหว่างธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด โจทก์ บริษัทเมดิคอนแอนด์เซอร์วิสจำกัด ที่ 1 นายอาทร ณ ถลาง ที่ 2 นางจิตร ณ ถลาง ที่ 3 จำเลย รวมเป็นเงิน 1,559,638 บาท 37 สตางค์ กับดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีของเงินต้น 1,513,004 บาท 69 สตางค์ นับแต่วันฟ้องในคดีดังกล่าวเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ พร้อมทั้งค่าฤชาธรรมเนียม 38,990 บาทและค่าทนายความอีก 4,000 บาท จำเลยไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษาตามยอมให้แก่โจทก์ โจทก์นำยึดบ้านและที่ดินของจำเลยซึ่งติดจำนองธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด ดังกล่าวกับทรัพย์สินอื่นภายในบ้านของจำเลยและของภรรยาจำเลยตามเอกสารหมาย จ.4 แล้ว ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด ยื่นคำร้องขอเฉลี่ยในทรัพย์สินของจำเลยฐานเป็นเจ้าหนี้บุริมสิทธิทางจำนองตามเอกสารหมาย จ.6 โจทก์จึงไม่ได้รับชำระหนี้จากจำเลยจนบัดนี้ ส่วนข้อที่โต้เถียงกันยังไม่ยุตินั้นจำเลยนำสืบว่า จำเลยถือหุ้นอยู่ในบริษัทผาแดงสถานตากอากาศ จำกัด 24,600 หุ้นมูลค่าหุ้นที่ชำระแล้ว 25 เปอร์เซ็นต์ เป็นเงิน 650,000 บาท ตามเอกสารหมาย ล.1 ล.2 มีบ้านและที่ดินราคาราว 1,300,000 บาท ติดจำนองธนาคารในราคาจำนองเพียง 650,000 บาท ตามเอกสารหมาย ล.3 มีที่ดินอีกแปลงราคา 700,000 บาท ติดจำนองธนาคารในราคาจำนอง 350,000บาท ตามเอกสารหมาย ล.4 ล.5 มีที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่จังหวัดราชบุรีอีก 2 แปลง รวมราคาราว 1,000,000 บาท ตามเอกสารหมาย ล.6 ล.7 เป็นเจ้าหนี้บุคคลอื่น 2 คน เป็นเงินรวมราว 3,000,000 บาทและมีทรัพย์สินอื่น ๆ ตามที่โจทก์ยึดไว้ในคดีของศาลแพ่งดังกล่าวอีกขณะนี้บริษัทผาแดงสถานตากอากาศ จำกัด ก็กำลังดำเนินกิจการอยู่และจำเลยเดินทางไปต่างประเทศเพื่อกู้เงินมาใช้ในกิจการของบริษัทดังกล่าวเป็นเงินถึง 500,000,000 บาท จำเลยจึงมิใช่บุคคลที่มีหนี้สินล้นพ้นตัว คดีมีปัญหาตามฎีกาของจำเลยว่า คำฟ้องของโจทก์ชัดแจ้งพอที่ศาลจะรับไว้พิจารณาหรือไม่ และจำเลยมีทรัพย์สินน้อยกว่าหนี้ที่โจทก์ฟ้องหรือไม่
ปัญหาแรกในเรื่องคำฟ้องของโจทก์นั้น โจทก์บรรยายถึงมูลหนี้ที่โจทก์นำมาฟ้องเป็นคดีนี้ว่า เป็นหนี้ตามคำพิพากษาอันถึงที่สุดแล้วมีจำนวนแน่นอนเกินกว่า 30,000 บาท ถึงกำหนดชำระแล้ว จำเลยไม่ชำระ โจทก์จึงนำยึดทรัพย์สินของจำเลยทั้งหมด แต่ทรัพย์สินของจำเลยที่เป็นที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างมีการจำนองไว้ เจ้าหนี้จำนองได้ยื่นคำร้องขอเฉลี่ยในฐานะเป็นเจ้าหนี้บุริมสิทธิไว้ต่อศาล ทรัพย์สินอื่น ๆก็มีราคาไม่พอชำระหนี้ จำเลยจึงเป็นบุคคลที่มีหนี้สินล้นพ้นตัว ขอให้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาด และพิพากษาให้จำเลยล้มละลายจึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ครบตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 9 กล่าวคือ ได้แสดงโดยชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหา คำขอบังคับทั้งข้ออ้างทั้งหลายที่เป็นหลักแห่งข้อหาครบถ้วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172ประกอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 153ไม่ต้องบรรยายให้เข้าหลักเกณฑ์แห่งข้อสันนิษฐานตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 8 ดังที่จำเลยฎีกาอีกแต่อย่างใด
ส่วนปัญหาในเรื่องทรัพย์สินของจำเลยมีพอชำระหนี้หรือไม่นั้นได้ความว่าจำเลยและภรรยาจำนองที่ดินไว้กับธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด2 แปลง รวมทั้งสิ่งปลูกสร้าง การจำนองรายแรกที่ดินเป็นชื่อของนางจิตราณ ถลาง ภรรยาจำเลย การจำนองรายที่สองที่ดินเป็นชื่อของจำเลยเองตามสัญญาจำนองลงวันที่ 1, 2 พฤศจิกายน 2520 จำนวนเงิน 650,000บาท และ 350,000 บาท ตามลำดับ ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปีเพื่อประกันหนี้ตามสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีที่บริษัทเมดิคอนแอนด์เซอร์วิสจำกัด ทำไว้กับธนาคารดังกล่าว หลังจากนั้นบริษัทเมดิคอนแอนด์เซอร์วิสจำกัด เบิกเงินเกินบัญชีจากธนาคารเรื่อยมาคิดถึงวันที่ 13 กันยายน 2525เป็นเงิน 1,005,412 บาท 71 สตางค์ ต่อมามีการหักทอนบัญชีกัน บริษัทเมดิคอนแอนด์เซอร์วิส จำกัด ก็ยังคงเป็นลูกหนี้ธนาคารอยู่ ธนาคารได้บอกกล่าวให้จำเลยและภรรยาชำระหนี้กับไถ่จำนอง จำเลยและภรรยาเพิกเฉย ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด จึงฟ้องบริษัทเมดิคอนแอนด์เซอร์วิสจำกัด กับจำเลยและภรรยาให้ร่วมกันชำระหนี้และบังคับจำนอง ศาลแพ่งพิพากษาให้จำเลยนี้กับพวกดังกล่าวร่วมกันชำระเงิน 1,559,638 บาท37 สตางค์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีของต้นเงิน 1,513,004บาท 69 สตางค์ นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเงินเสร็จแก่โจทก์ หากไม่ชำระให้ยึดที่ดินซึ่งจำนองทั้งสองแปลงพร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาดหากได้เงินไม่พอชำระหนี้ ให้ยึดหรืออายัดทรัพย์สินอื่นของบุคคลทั้งสามชำระจนครบและให้ร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียม โดยกำหนดค่าทนายความ 4,000 บาท แทนโจทก์ ที่นายอัมพร จันทร์ชาวนา พยานจำเลยเบิกความว่า ธนาคารเจ้าหนี้ให้สินเชื่อ 50 เปอร์เซ็นต์ของราคาทรัพย์สิน ซึ่งที่ดินแปลงแรกมีราคาราว 1,000,000 บาท แปลงที่สองมีราคาราว 700,000 บาท และจำเลยยังมีที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์อีก 2 แปลงราคารวมกันราว 1,000,000 บาท กับถือหุ้นอยู่ในบริษัทผาแดงสถานตากอากาศ จำกัด มีมูลค่า 650,000 บาท เป็นเจ้าหนี้บุคคลอื่น 2 คน จำนวนเงินราว 3,000,000 บาทและจำเลยกำลังขอกู้เงินจากต่างประเทศมาดำเนินกิจการบริษัทผาแดงสถานตากอากาศ จำกัด เป็นเงิน 500,000,000 บาท นั้น เห็นว่า หากจำเลยมีทรัพย์สินและเครดิตมากมายดังที่พยานจำเลยเบิกความแล้ว จำเลยก็ดีนางจิตราภรรยาจำเลยก็ดี คงไม่ยอมเสียชื่อเสียงค้างชำระหนี้ตามคำพิพากษาในคดีนี้จนต้องถูกโจทก์นำยึดทรัพย์สินที่เป็นเครื่องใช้อันจำเป็นประจำบ้านอันเป็นที่อยู่อาศัยของจำเลยตามบัญชียึดทรัพย์สินของเจ้าพนักงานบังคับคดีเอกสารหมาย จ.4 เช่นนั้น สำหรับที่ดิน 2 แปลงและสิ่งปลูกสร้างก็ถูกบังคับจำนองไว้แล้ว หุ้นที่จำเลยถืออยู่ในบริษัทอื่นและที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ดังกล่าวถ้ามีราคาดังที่พยานจำเลยเบิกความ จำเลยน่าจะนำมาเสนอใช้หนี้ให้แก่เจ้าหนี้ จำนวนหนี้ตามฟ้องก็เพียงสามแสนกว่าบาทไม่ใช่จำนวนมากมายเมื่อเปรียบเทียบกับทรัพย์สินที่จำเลยอ้างว่ามีอยู่ แต่ก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยตั้งใจจะชำระหนี้ระหว่างการพิจารณาคดีนี้จำเลยเคยแถลงว่ามีทางที่จะตกลงประนีประนอมกับโจทก์แต่แล้วก็ไม่ปรากฏว่ามีการตกลงกัน หนี้ที่ฟ้องคดีนี้ก็คือหนี้ที่เคยประนีประนอมกันมาครั้งหนึ่งแล้ว แสดงว่าหนี้รายนี้ไม่มีทางตกลงกันได้อีกแม้จะปรากฏจากคำพยานจำเลยว่าจำเลยไปต่างประเทศบ่อย ๆ ขณะที่พยานเบิกความตัวจำเลยก็ยังอยู่ในต่างประเทศก็ตาม แสดงว่าจำเลยคงไป ๆ มา ๆ ระหว่างประเทศไทยกับต่างประเทศ จำเลยน่าจะเบิกความเป็นพยานเพื่อให้ความกระจ่างเกี่ยวกับจำนวนทรัพย์สินและราคาทรัพย์สินที่ตนมีอยู่ จำเลยกลับละเลยไม่มาศาล เป็นการแสดงให้เห็นถึงความไม่สนใจใยดีต่อการที่ถูกฟ้องจำเลยมีแต่บุคคลอื่นมาเป็นพยาน ซึ่งพยานก็เป็นเพียงลูกจ้างทำงานในสำนักงานของจำเลย มิใช่บุคคลที่จัดกิจการและทรัพย์สินของจำเลยย่อมไม่อาจจะทราบรายละเอียดเกี่ยวกับกิจการและทรัพย์สินของจำเลยมากไปกว่าตัวจำเลยเอง นายรัศมี สวามิภักดิ์ พยานโจทก์ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากโจทก์ให้ฟ้องจำเลยเบิกความว่า พยานไม่เคยทราบว่าจำเลยเป็นเจ้าหนี้บุคคลอื่นอยู่ราวสามล้านบาท ที่ดิน 2 แปลงที่จังหวัดราชบุรีไม่มีราคา ไม่พอชำระหนี้ให้กับโจทก์ ส่วนหุ้นในบริษัทผาแดงสถานตากอากาศ จำกัดมีมูลค่าเท่าใดและบริษัทดังกล่าวมีฐานะอย่างไรไม่อาจทราบได้ เพราะบริษัทนั้นไม่เคยส่งงบดุลต่อกระทรวงพาณิชย์เลย เช่นนี้จำเลยนำสืบภายหลังย่อมมีโอกาสนำสืบหักล้างพยานของโจทก์ได้แต่กลับปรากฏว่าจำเลยนำบุคคลอื่นมาเป็นพยานเบิกความลอย ๆเกี่ยวกับฐานะความเป็นเจ้าหนี้ของจำเลยที่มีต่อบุคคลอื่นกับเบิกความถึงราคาทรัพย์สินที่มีอยู่ด้วยการประมาณราคาตามความเข้าใจของพยานเองโดยมิได้มีหลักฐานอื่นใดสนับสนุน ในข้อที่ว่าจำเลยเป็นเจ้าหนี้บุคคลอื่นจึงเลื่อนลอยไม่มีน้ำหนัก ราคาที่ดิน 2 แปลงที่จังหวัดราชบุรีก็ปรากฏตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เอกสารหมาย ล.6 ล.7 ว่าที่ดินติดทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ อยู่ในท้องที่กิ่งอำเภอสวนผึ้ง หากมีราคาสูงดังที่พยานจำเลยเบิกความ โจทก์ก็คงจะนำยึดมาชำระหนี้แล้ว ไม่ปล่อยทิ้งไว้ เชื่อว่าคงไม่มีราคาค่างวดเท่าใดดังที่พยานโจทก์เบิกความ ส่วนหุ้นที่จำเลยถืออยู่ในบริษัทผาแดงสถานตากอากาศจำกัดนั้น บริษัทดังกล่าวคงมิได้ส่งงบดุลต่อทางนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท เพราะถ้าหากส่งทางโจทก์ย่อมตรวจสอบพบและหากตรวจไม่พบจำเลยซึ่งนำสืบภายหลังก็มีทางอ้างอิงหลักฐานอันแสดงให้เห็นว่าจำเลยได้ส่งงบดุลต่อนายทะเบียนไว้แล้วได้ ที่ไม่มีงบดุล แสดงว่าบริษัทคงมิได้ดำเนินการ ดังนั้นหุ้นของบริษัทก็ไม่น่าจะมีราคาดังที่จำเลยนำสืบ พยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักฟังได้ว่าจำเลยมีทรัพย์สินน้อยกว่าหนี้สิน พยานจำเลยไม่อาจรับฟังหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้ รูปคดีฟังได้ว่าจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัวเป็นหนี้โจทก์คนเดียวเป็นเงินไม่น้อยกว่าสามหมื่นบาท อันเป็นจำนวนที่แน่นอนและถึงกำหนดชำระแล้ว ที่ศาลล่างทั้งสองพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความในชั้นนี้ตามจำนวนที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะเห็นสมควร โดยคิดจากกองทรัพย์สินของจำเลยแทนโจทก์