แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สำเนาบัญชีผู้ถือหุ้นในวันประชุมสามัญของบริษัทจำเลยที่ยื่นต่อ นายทะเบียนห้างหุ้นส่วนบริษัทตามบทบัญญัติของ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1139 วรรคสอง เมื่อจำเลยไม่ได้โต้แย้งว่า ไม่ถูกต้องตรงกับสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น อย่างไร จำเลย เพียงแต่อ้างว่าสำเนาบัญชีผู้ถือหุ้นดังกล่าว อาจผิดพลาดเพราะ กรรมการผู้จัดการคนก่อนเป็นผู้ทำโดยไม่รู้ ภาษาไทยซึ่งก็เป็นแต่ คำกล่าวอ้างลอยๆหาได้มี พยานหลักฐานสนับสนุนไม่ จึงต้องฟังว่า เป็นสำเนาอันถูกต้องของสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นของบริษัทจำเลย ย่อมได้รับการสันนิษฐานว่าเป็นพยานหลักฐานอันถูกต้องตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1141 เช่นเดียวกับสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นบริษัทจำกัด โจทก์ที่ ๑ ที่ ๒ ถือหุ้นบริษัทจำเลยคนละ๑๕ หุ้น โจทก์ที่ ๓ ถือหุ้น ๒๕ หุ้น จำเลยยังไม่ได้ออกใบหุ้นให้โจทก์ ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยออกใบหุ้นให้แก่โจทก์ทั้งสามด้วย
จำเลยให้การว่า การทำบัญชีผู้ถือหุ้นของบริษัทจำเลยมีการผิดพลาดโดยเฉพาะที่ระบุว่าโจทก์ที่ ๓ มีหุ้น ๒๕ หุ้น และบัญชีผู้ถือหุ้นดังกล่าวไม่มีผลตามกฎหมายเพราะยังไม่ได้ทำหนังสือโอนหุ้น ใบหุ้นของโจทก์ที่ ๑ และที่ ๒ ออกไว้แล้ว ส่วนโจทก์ที่ ๓ ถ้าเลิกประพฤติเป็นปรปักษ์ ก็ยินดีโอนและออกหุ้นให้ ๑๕ หุ้น
ศาลชั้นต้น พิพากษาให้บริษัทจำเลยส่งมอบใบหุ้นให้แก่โจทก์ตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อจำเลยรับมาในฎีกาของจำเลยว่า เอกสารหมาย จ.๑ เป็นสำเนาบัญชีผู้ถือหุ้นในวันประชุมสามัญของบริษัทจำเลย เมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๑๒ ที่จำเลยยื่นต่อนายทะเบียนห้างหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานคร ตามบทบัญญัติของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๑๓๙ วรรคสอง ซึ่งบทบัญญัติดังกล่าวนั้นเองได้กำหนดไว้ว่า บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นของบริษัทที่ส่งไปยังนายทะเบียนให้มีรายการบรรดาที่ระบุไว้ในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น จึงต้องถือว่าเอกสารหมาย จ.๑ เป็นสำเนาบัญชีผู้ถือหุ้นของบริษัทจำเลยตามที่ปรากฏในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นในวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๑๒ นั่นเอง จำเลยไม่ได้โต้แย้งว่าเอกสารหมาย จ.๑ไม่ถูกต้องตรงกับสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นอย่างไร จำเลยเพียงว่าอ้างว่าเอกสารหมาย จ.๑ อาจผิดพลาดเพราะนายทรง ซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการคนก่อนเป็นผู้ทำโดยไม่รู้ภาษาไทย ไม่มีการแก้ไขรายชื่อผู้ถือหุ้นตามเอกสารหมาย จ.๑ ในทะเบียนของสำนักงานทะเบียนห้างหุ้นส่วนเท่านั้น ซึ่งก็เป็นแต่คำกล่าวอ้างลอย ๆ หาได้มีพยานหลักฐานสนับสนุนไม่ จึงต้องฟังว่าเอกสารหมาย จ.๑ เป็นสำเนาอันถูกต้องของสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นของบริษัทจำเลยย่อมได้รับการสันนิษฐานว่าเป็นพยานหลักฐานอันถูกต้อง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๑๔๑ เช่นเดียวกับสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น นอกจากนั้นการที่จำเลยทำเอกสารหมาย จ.๑ ระบุว่าโจทก์ที่ ๓ มีหุ้นอยู่ในบริษัทจำเลยย่อมเป็นคำรับที่ทำให้จำเลยเสียประโยชน์ทำให้เอกสารนี้มีน้ำหนักน่ารับฟังยิ่งขึ้นอีกด้วย จึงเชื่อได้ว่าโจทก์ที่ ๓ มีหุ้นอยู่ในบริษัทจำเลยจำนวน ๒๕ หุ้น ตามที่ระบุในเอกสารหมาย จ.๑
พิพากษายืน