คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 783/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยมิได้ให้การต่อสู้คดีในเรื่องโจทก์บอกเลิกสัญญาไม่ชอบ หรือ ไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญาทันทีไว้ชัดแจ้ง และเมื่อศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นเพียง 3 ข้อ ซึ่งไม่มีข้อพิพาทในเรื่องดังกล่าว จำเลยก็ไม่ได้โต้แย้ง ต้องถือว่าปัญหาเรื่องโจทก์ยังไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญาหรือบอกเลิกสัญญาไม่ชอบ เป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น และปัญหาดังกล่าวไม่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซึ่งเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดได้โฆษณาชักชวนประชาชนให้ทำการจองแผงค้าขายในตลาดที่จำเลยกำลังก่อสร้างว่าเป็นตลาดใหญ่ เมื่อก่อสร้างเสร็จจำเลยจะจัดการขออนุญาตเปิดตลาดให้ถูกต้องตามกฎหมายและดำเนินการทุกวิถีทางให้ตลาดติด เพื่อให้ผู้ทำสัญญาจองเช่าแผงสามารถทำการค้าได้ตลอดไป โจทก์หลงเชื่อได้ตกลงจองเช่าแผงทั้งหมด ๗ แผง ได้ทำหนังสือสัญญาและวางเงินมัดจำเช่าแผงไว้ เป็นเงิน ๔๒,๐๐๐ บาท ซึ่งโจทก์ผ่อนชำระเงินมัดจำให้แก่จำเลยครบถ้วนแล้ว ต่อมาจำเลยปล่อยปละละเลย ทำให้ตลาดกลายเป็นตลาดร้าง ไม่มีคนเข้าไปทำการซื้อขายสินค้า ถือว่าจำเลยผิดสัญญา ซึ่งโจทก์ได้บอกเลิกสัญญาและขอรับเงินมัดจำการเช่าแผงที่ชำระไปแล้วคืนจากจำเลย แต่จำเลยเพิกเฉยไม่ยอมคืน ขอให้บังคับจำเลยคืนเงินแก่โจทก์ ๔๒,๐๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า โจทก์เข้าทำสัญญามัดจำเช่าแผงก็ทราบดีอยู่แล้วว่าเป็นการเสี่ยง เพราะหากตลาดมีคนนิยมโจทก์จะมีผลกำไรในทางการค้ามาก จำเลยไม่ได้ผิดสัญญา โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกเอาเงินมัดจำคืนจากจำเลย โจทก์ยังไม่ได้รับความเสียหายและคดีของโจทก์ขาดอายุความแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้ ๓ ข้อ คือ ๑. จำเลยได้ประพฤติผิดสัญญาตามฟ้องหรือไม่ ๒. โจทก์เสียหายหรือไม่เพียงใด และ ๓. คดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ แล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน ๔๒,๐๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า เรื่องโจทก์บอกเลิกสัญญาไม่ชอบตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๘๗ เป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น และมิใช่ปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ไม่รับวินิจฉัยให้และเงินมัดจำที่จำเลยรับไว้จะต้องคืนแก่โจทก์เพียง ๔๐,๐๐๐ บาท พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ ๔๐,๐๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาในข้อ ๒ ก. ว่า ชั้นอุทธรณ์จำเลยได้ขอให้วินิจฉัยปัญหาเรื่องโจทก์บอกเลิกสัญญาทันทีไม่ชอบตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๘๗ มาด้วย แต่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยให้โดยอ้างว่า เป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและมิใช่ปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนนยังไม่ถูกต้อง เพราะปัญหาดังกล่าวเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยและจำเลยได้ยกเป็นข้อต่อสู้ไว้ในคำให้การแล้วนั้น ปรากฏว่าจำเลยมิได้ให้การต่อสู้คดีในเรื่องโจทก์บอกเลิกสัญญาไม่ชอบหรือไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญาทันทีไว้ชัดแจ้ง และเมื่อศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นเพียง ๓ ข้อ ซึ่งไม่มีข้อพิพาทในเรื่องดังกล่าว จำเลยก็ไม่โต้แย้งต้องถือว่าปัญหาเรื่องโจทก์ยังไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญาหรือบอกเลิกสัญญาไม่ชอบ เป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น และปัญหาดังกล่าวไม่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแต่อย่างใด ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัย เป็นการถูกต้องและชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๒๕ แล้ว
พิพากษายืน

Share