คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3555/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ทำตั๋วรถยนต์โดยสารของจำเลยหาย ต่อมาโจทก์ทำหนังสือยอมรับผิดชดใช้เงินเท่าราคาตั๋วที่หายให้แก่จำเลย โดยขอผ่อนชำระจนครบเมื่อโจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายต้องรับผิดในเงินค่าตั๋วรถยนต์โดยสารที่หายได้ลงชื่อรับผิดไว้ในหนังสือนั้นถูกต้อง หนังสือดังกล่าวก็เป็นหลักฐานแห่งสัญญาประนีประนอมยอมความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตร 851 แล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้จ้างโจทก์เป็นลูกจ้างประจำตำแหน่งสุดท้ายเป็นพนักงานเก็บค่าโดยสาร เมื่อวันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๒๔ เวลากลางคืน โจทก์ถูกคนร้ายชิงทรัพย์คือ ตั๋วโดยสารเป็นเงิน ๕,๑๖๓ บาท ๒๘ สตางค์ ต่อมาเจ้าพนักงานจับคนร้ายได้ ศาลพิพากษาลงโทษไปแล้ว จำเลยได้มีคำสั่งหักค่าจ้างของโจทก์เดือนละ ๕๐๐ บาท รวมเป็นเงิน ๕,๑๖๓ บาท ๒๘ สตางค์ เท่าราคาตั๋วโดยสารที่ถูกคนร้ายลักไป การที่ตั๋วโดยสารถูกคนร้ายลักไปไม่ใช่ความผิดของโจทก์ ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยคืนเงินจำนวน ๕,๑๖๓ บาท ๒๘ สตางค์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีแก่โจทก์
จำเลยให้การว่าจำเลยมีคำสั่งตัดค่าจ้างของโจทก์จำนวน ๕,๑๖๓ บาท ๒๘ สตางค์เพราะโจทก์ทำตั๋วโดยสารรถประจำทางของจำเลยซึ่งโจทก์เบิกไปเพื่อเตรียมจำหน่ายในวันรุ่งขึ้นสูญหายภายหลังจากที่โจทก์เลิกปฏิบัติงานแล้ว ต่อมาโจทก์ยอมรับผิดใช้เงินเท่าราคาตั๋วที่หาย โดยทำสัญญาประนีประนอมยอมความให้จำเลยไว้ โจทก์จึงต้องรับผิดตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น ขอให้ศาลพิพากษายกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า โจทก์ผู้ทำตั๋วรถยนต์โดยสารหายไปคิดเป็นราคาเงิน ๕,๑๖๓ บาท ๒๘ สตางค์ ได้ยอมรับผิดชดใช้เงินให้แก่จำเลย โดยจะผ่อนชำระเงินให้แก่จำเลยตามเอกสารท้ายคำให้การหมายเลข ๑ และโจทก์ได้ลงชื่อไว้เป็นหลักฐานในเอกสารนั้นแล้ว เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายต้องรับผิดในเงินค่าตั๋วรถยนต์โดยสารที่หายได้ลงชื่อรับผิดไว้ในเอกสารนั้นถูกต้องแล้วเอกสารดังกล่าวก็เป็นหลักฐานแห่งสัญญาประนีประนอมยอมความถูกต้องชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๘๕๑ แล้ว
พิพากษายืน.

Share