แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเบิกความเท็จในการพิจารณาคดีอาญาเรื่องหมิ่นประมาท และข้อความเท็จที่จำเลยเบิกความเป็นข้อสำคัญในคดีดังกล่าว มิได้บรรยายว่า คดีมีข้อกล่าวหากันอย่างไร และข้อความที่จำเลยเบิกความเท็จเป็นข้อสำคัญในคดีนั้นอย่างไร ดังนี้ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 แม้โจทก์ระบุเลขคดีที่จำเลยเบิกความมาในฟ้อง และนำสืบถึงสำนวนคดีดังกล่าวในชั้นพิจารณาก็ตาม แต่ข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่ปรากฏในสำนวนคดีนั้นก็มิใช่ส่วนหนึ่งของคำฟ้อง จะนำมาประกอบคำฟ้องของโจทก์ให้สมบูรณ์ขึ้นหาได้ไม่
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 177 วรรคสอง จำคุก 8 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ปัญหาในชั้นฎีกามีว่าคำฟ้องของโจทก์ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)หรือไม่ พิเคราะห์แล้ว โจทก์บรรยายฟ้องแต่เพียงว่าจำเลยเบิกความเท็จในการพิจารณาคดีอาญาเรื่องหมิ่นประมาท และข้อความเท็จที่จำเลยเบิกความเป็นข้อสำคัญในคดีดังกล่าวเท่านั้น โจทก์มิได้บรรยายฟ้องให้เห็นว่าในคดีดังกล่าวมีข้อกล่าวหากันว่าอย่างไร และข้อความที่จำเลยเบิกความเท็จเป็นข้อสำคัญในคดีนั้นอย่างไร ศาลฎีกาเห็นว่าคำฟ้องของโจทก์ไม่ได้บรรยายถึงการกระทำที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดพอสมควรที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) แม้โจทก์จะระบุเลขคดีที่จำเลยเบิกความมาในฟ้องและนำสืบถึงสำนวนคดีดังกล่าวในชั้นพิจารณาก็ตามแต่ข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่ปรากฏในสำนวนคดีนั้นก็มิใช่ส่วนหนึ่งของคำฟ้อง จะนำมาประกอบคำฟ้องของโจทก์ให้สมบูรณ์ขึ้นหาได้ไม่ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์เสียนั้นชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน