แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2525 เวลากลางคืนหลังเที่ยง ดังนั้น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1(11)เวลาเกิดเหตุตามฟ้องของโจทก์ ก็คือตั้งแต่เวลาพระอาทิตย์ตกของวันที่ 9 มิถุนายน 2525 ถึงเวลา 24.00 นาฬิกา ของวันเดียวกันเป็นระยะเวลานาน 6 ชั่วโมง เข้าใจได้ว่าจำเลยได้รู้อยู่ว่าธนบัตรดังกล่าวเป็นเงินตราซึ่งมีผู้ทำปลอมขึ้นไม่สามารถใช้ได้ ตามกฎหมายแต่จำเลยได้ขืนนำออกใช้เมื่อเวลาระหว่าง พระอาทิตย์ตกของวันที่ 9 มิถุนายน 2525 จนถึงเวลา 24.00 นาฬิกา ของวันเดียวกันอันเป็นระยะเวลาหลังจาก จำเลยได้มาซึ่งเงินตราที่มีผู้ทำปลอมขึ้น ฟ้องโจทก์จึง มีรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาซึ่งเกิดการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานนำออกใช้ซึ่งเงินตราปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๔๐, ๒๔๕
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๔๕
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดเมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๒๕ เวลากลางคืนหลังเที่ยง ตามมาตรา ๑(๑๑) แห่งประมวลกฎหมายอาญาคำว่ากลางคืนหมายความว่าเวลาระหว่างพระอาทิตย์ตกและพระอาทิตย์ขึ้น ดังนั้นเวลาเกิดเหตุตามฟ้องของโจทก์ก็คือ ตั้งแต่เวลาพระอาทิตย์ตกของวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๒๕ ถึงเวลา ๒๔.๐๐ นาฬิกา ของวันเดียวกัน เป็นระยะเวลานานประมาณ ๖ ชั่วโมง ตามฟ้องของโจทก์นั้นเข้าใจได้ว่าจำเลยได้รู้ว่าธนบัตรของกลางเป็นเงินตราที่มีผู้ทำปลอมขึ้นไม่สามารถใช้ได้ตามกฎหมาย แต่จำเลยได้ขืนนำออกใช้ให้แก่ผู้มีชื่ออันเป็นความผิดตาม มาตรา ๒๔๕ เมื่อเวลาระหว่างพระอาทิตย์ตกของวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๒๕ จนถึงเวลา ๒๔.๐๐ นาฬิกาของวันเดียวกัน แต่เป็นระยะเวลาหลังจากจำเลยได้มาซึ่งเงินตราที่มีผู้ทำปลอมขึ้น ฟ้องโจทก์จึงมีรายละเอียดเกี่ยวกับเวลาซึ่งเกิดการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕๘(๕)
พิพากษายืน