แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์เป็นตัวแทนจำเลยในการซื้อหุ้นของบริษัทต่าง ๆ ที่ทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ โดยโจทก์ติดต่อผ่านบริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นสมาชิกของตลาดหลักทรัพย์ และโจทก์ได้จ่ายเงินทดรองแทนจำเลยไป การกระทำของโจทก์หาได้จัดให้มีตลาดหรือสถานที่อันเป็นศูนย์กลางการซื้อขายหลักทรัพย์ไม่ จึงไม่ขัดต่อ มาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พ.ศ. 2517 และเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้รับอนุญาตจากกระทรวงการคลังให้ประกอบธุรกิจเงินทุนธุรกิจหลักทรัพย์ ต่อมาวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๒๒ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังมีคำสั่งให้ถอนใบอนุญาตของโจทก์และแต่งตั้งผู้ชำระบัญชีขึ้น เพื่อสะสางการงานและรวบรวมทรัพย์สินระหว่างโจทก์ประกอบธุรกิจการเงินและประกอบธุรกิจหลักทรัพย์อยู่ โจทก์เป็นตัวแทนและนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ด้วยแต่โจทก์มิได้เป็นสมาชิกตลาดหลักทรัพย์ โจทก์จึงติดต่อบริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นสมาชิกตลาดหลักทรัพย์ให้จัดการซื้อหรือขายแทนโจทก์ ค่านายหน้าที่โจทก์เรียกเก็บจากลูกค้าโจทก์ต้องจ่ายให้สมาชิกตลาดหลักทรัพย์ที่เป็นผู้ทำการซื้อขายหลักทรัพย์นั้นแทนโจทก์
เมื่อวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๒๑ ถึงวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๒๑ จำเลยตกลงให้โจทก์เป็นตัวแทนจัดการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์โดยยอมปฏิบัติตามวิธีและประเพณีในการเล่นหุ้นจำนวน ๔ ครั้ง โจทก์จ่ายเงินทดรองแทนจำเลยไป ๙๓๓,๑๕๓ บาท จำเลยต้องเสียดอกเบี้ยให้โจทก์ด้วย เมื่อหักเงินปันผลในหุ้นที่ซื้อไว้พร้อมดอกเบี้ยแล้ว จำเลยยังเป็นหนี้โจทก์ ๔๓๗,๐๐๖.๔๕ บาท เมื่อโจทก์ถูกถอนใบอนุญาต ผู้ชำระบัญชีจึงหักกลบลบหนี้กับตั๋วเงินที่จำเลยจำนำไว้ ๓๕๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลือจำเลยมีหน้าที่ชำระคืนให้โจทก์ ทวงถามแล้วจำเลยเพิกเฉยขอให้ศาลบังคับ
ในระหว่างดำเนินคดี เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยื่นคำร้องขอเข้ามาดำเนินคดีแทนโจทก์เพราะโจทก์ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ศาลอุนญาต
จำเลยให้การว่าจำเลยไม่เคยตกลงให้โจทก์เป็นตัวแทนซื้อหลักทรัพย์แทนจำเลยและการตั้งตัวแทนไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือจำเลยเป็นหนี้โจทก์อยู่เพียง ๑๙,๙๘๘.๗๐ บาท
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงิน ๓๘๔,๐๓๐.๔๗ บาท พร้อมดอกเบี้ยให้โจทก์
โจทก์จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การกระทำของโจทก์ในการเป็นตัวแทนและนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ เป็นการประกอบกิจการตลาดหลักทรัพย์หรือกิจการที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันเป็นการต้องห้าม ตามมาตรา ๙ แห่งพระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๑๗ สัญญาระหว่างโจทก์จำเลยจึงเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๑๑๓ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามพระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยพ.ศ. ๒๕๑๗ มาตรา ๙ บัญญัติว่า “ห้ามมิให้บุคคลใดประกอบกิจการตลาดหลักทรัพย์หรือกิจการที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน นอกจากตลาดหลักทรัพย์ซึ่งได้จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัตินี้” และมาตรา ๓ ให้บทวิเคราะห์ศัพท์คำว่า “กิจการตลาดหลักทรัพย์” หมายความว่า “การจัดให้มีตลาดหรือสถานที่อันเป็นศูนย์กลางการซื้อหรือขายหลักทรัพย์รวมทั้งบริการที่เกี่ยวกับกิจการดังกล่าว” ซึ่งตามคำฟ้องและการนำสืบของโจทก์ได้ความเพียงว่า โจทก์เป็นตัวแทนจำเลยในการซื้อหุ้นของบริษัทต่าง ๆ ที่ทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ โดยโจทก์ติดต่อผ่านบริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นสมาชิกของตลาดหลักทรัพย์และโจทก์ได้จ่ายเงินทดรองแทนจำเลยไป การกระทำของโจทก์หาได้จัดให้มีตลาดหรือสถานที่อันเป็นศูนย์กลางการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ไม่ เพราะการซื้อขายหลักทรัพย์ก็ต้องดำเนินการผ่านบริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นสมาชิกของตลาดหลักทรัพย์ที่มีอยู่เดิมเท่านั้น การกระทำของโจทก์หาได้ขัดกับมาตรา ๙ แห่งพระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๑๗ และเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๑๓ ไม่
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาและพิพากษาใหม่ในประเด็นที่คู่ความยังโต้เถียงกันอยู่